หุ้นปรับฐานตามตลาดทั่วโลก จากแรงขายทำกำไร-ขาดปัจจัยใหม่หนุน

หุ้นปรับฐานตามตลาดทั่วโลก จากแรงขายทำกำไร-ขาดปัจจัยใหม่หนุน

  • 0 ตอบ
  • 95 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Naprapats

  • *****
  • 3225
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานตามตลาดทั่วโลก จากแรงขายทำกำไร-ขาดปัจจัยใหม่หนุน ประกอบกับยังมีความกังวลเรื่องของบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อไป

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานต่อจากแรงกดดันตลาดทั่วโลกปรับฐานหลังขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นขึ้น และตลาดยังขาดปัจจัยใหม่หนุน ประกอบกับยังมีความกังวลเรื่องของบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อไป

นอกจากนี้ วานนี้ตลาดบ้านเราได้แรงขายสุทธิทั้งจากนักลงทุนต่างชาติ และกองทุน ซึ่งเป็นการขายทำกำไรระยะสั้นหลังขึ้นไปแรง และเป็น Sell on fact หลังผลประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ออกมา ทำให้กดดันหุ้นขนาดใหญ่ อีกทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/64 คาดว่าจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบ yoy จากที่มีการล็อกดาวน์

อย่างไรก็ดี ตลาดยังน่าจะได้แรงหนุนบ้างจากจำนวนผู้ติดเชื้อวันนี้ 9,489 ราย ต่ำสุดในรอบราว 2 เดือนครึ่ง และต่ำกว่าระดับ 10,000 ราย เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน น่าจะหนุนหุ้น Reopening ได้บ้าง อีกทั้งเงินบาทเช้านี้อ่อนค่ามาที่ 33.65 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าสุดในรอบ 4 ปี 2 เดือน นับจากเดือนก.ค.2560 ที่เงินบาทอยู่ที่ 33.7 บาท/ดอลลาร์ อันเป็นผลจากเงินดอลลาร์แข็งค่า หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯ อายุ 10 ปี สูงขึ้นมาที่ 1.5% สูงสุดในรอบ 3 เดือน อาจเป็นสัญญาณอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าจะเป็นแรงหนุนหุ้นในกลุ่มส่งออก อิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร และราคาน้ำมันยังปรับขึ้นน่าจะหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน

ทั้งนี้ ยังมองตลาดน่าจะยังซึมเพื่อรอดูปัจจัยใหม่ อีกทั้งยังจับตาการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯ ไตรมาส 3/64 ในสัปดาห์นี้ และรอดูผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อน แต่ให้ติดตามทิศทางเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ส่วนนอกประเทศให้ติดตามนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสในคืนนี้ และจับตาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับตัวลงเล็กน้อย พร้อมให้แนวรับ 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,633 จุด