ศบค.ชุดใหญ่จ่อคลายล็อกชุดใหญ่ กิจการ-กิจกรรม ขยับเคอร์ฟิว 4 ทุ่มถึงตี 4

ศบค.ชุดใหญ่จ่อคลายล็อกชุดใหญ่ กิจการ-กิจกรรม ขยับเคอร์ฟิว 4 ทุ่มถึงตี 4

  • 0 ตอบ
  • 65 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Ailie662

  • *****
  • 2858
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




ศบค.ชุดใหญ่เตรียมคลายล็อก กิจการ 10 ประเภท 27 ก.ย. “ฟิตเนส-ทำเล็บ-สปา” มีลุ้น ขยายประกาศ พ.ร.ก ฉุกเฉินต่ออีก 2 เดือน ขยับเคอร์ฟิว 4 ทุ่ม ถึงตี 4 ลดเวลากักตัวคนจากต่างประเทศเหลือ 7 วัน สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว

วันนี้ (24 ก.ย.) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ว่า จะมีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่วันที่ 27 ก.ย. เวลา 10.30 น. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เตรียมพิจารณาขยายการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต่อไปอีก 2 เดือน จากเดิมสิ้นสุดปลายเดือน ก.ย. รวมถึงเตรียมพิจารณาปรับช่วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) จาก 21.00-04.00 น. เป็นเวลา 22.00-04.00 น.

นอกจากนี้ ยังเตรียมพิจารณาข้อเสนอให้ผ่อนคลายกิจการกิจกรรม 10 ประเภท ได้แก่ 1. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และวัยก่อนเรียน 2. ห้องสมุดสาธารณะเอกชนและชุมชน 3. พิพิธภัณฑ์ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน 4. ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม หอศิลป์ 5. การแข่งขันหรือเล่นกีฬาในร่ม หรือในห้องที่มีระบบปรับอากาศ กิจการฟิตเนส 6. ร้านทำเล็บ 7. ร้านสัก 8. ร้านนวด สปาเพื่อสุขภาพ 9. โรงภาพยนตร์ และ 10. การเล่นดนตรีในร้านอาหาร ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงระบบหมุนเวียนอากาศ รวมถึงจัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการปลอดภัยส่วนศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า สถานที่กลุ่มกีฬากลางแจ้ง หรือที่ร่มต้องมีสภาพโล่งและอากาศถ่ายเทสะดวก อีกทั้งอนุญาตให้มีการซ้อมกีฬาของนักกีฬาทีมชาติไทยทุกประเภท รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด และตลาดนัด (เฉพาะที่จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค) ขยายเวลาเปิดให้บริการได้ไม่เกินเวลา 21.00

ขณะที่ที่ประชุม ศบค. เตรียมพิจารณาตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอปรับลดระยะเวลาในการกักกันการทำกิจกรรมในสถานที่กักกัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 โดยผู้ที่มาจากต่างประเทศแล้วเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทุกช่องทาง โดยมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบตามเกณฑ์อย่างน้อย 14 วัน ให้กักตัวอย่างน้อย 7 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 0-1 และครั้งที่ 2 วันที่ 6-7 ส่วนผู้เข้าราชอาณาจักรผ่านช่องทางอากาศ โดยไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ต้องกักตัวอย่างน้อย 10 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 0-1 ครั้งที่ 2 วันที่ 8-9 และผู้ที่เข้าราชอาณาจักรช่องทางบก โดยไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วัน และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 0-1 ครั้งที่ 2 วันที่ 12-13

สำหรับกรณีของผู้เข้าพักที่โรงแรมกักตัวทางเลือก จะได้รับอนุญาตให้สามารถออกกำลังกายกลางแจ้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน สั่งซื้อสินค้าหรืออาหารจากภายนอก และประชุมสำหรับนักธุรกิจระยะสั้น ส่วนการเข้าพักในสถานกักกันของรัฐ หรือการกักกันผู้เดินทางในสถานที่เอกเทศ ซึ่งดำเนินการโดยองค์กรหรือหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน (Organizational Quarantine -OQ) นั้น จะได้รับอนุญาตให้สามารถออกกำลังกายกลางแจ้ง สั่งซื้อสินค้าหรืออาหารจากภายนอกได้เช่นกัน

อีกทั้งจะเตรียมพิจารณาการเลื่อนกำหนดการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง (แซนด์บ็อกซ์) ในพื้นที่ 5 จังหวัด กรุงเทพฯ, ชลบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, เชียงใหม่ จากวันที่ 1 ต.ค. เลื่อนไปเป็นวันที่ 1 พ.ย. รวมถึงจะพิจารณาแนวทางการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวพื้นที่สีฟ้า ซึ่งเป็นการเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งจังหวัด โดยมีรูปแบบการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับลักษณะและความพร้อมของพื้นที่ ซึ่งสามารถท่องเที่ยวได้ เฉพาะสถานที่หรือพื้นที่ หรือระหว่างสถานที่หรือพื้นที่โดยมีการเดินทางแบบควบคุม (Sealed Route)