‘ธนพิริยะ’หุ้นค้าปลีกเติบโต สวนทิศทาง‘กำลังซื้อ’หดตัว

‘ธนพิริยะ’หุ้นค้าปลีกเติบโต สวนทิศทาง‘กำลังซื้อ’หดตัว

  • 0 ตอบ
  • 88 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Ailie662

  • *****
  • 2858
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




6 เดือนแรกปี 2564 ของ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP มีกำไรสุทธิ 100.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.09% อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ7.40% จาก“ยอดขาย”ที่เพิ่มขึ้นและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ“อัตรากาไรขั้นต้น” ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 43.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.10%

“เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNPผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า สำหรับภาพรวม “กำลังซื้อ” ต้องยอมรับว่าหดตัวซึ่งสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ว่าจากกำลังซื้อของประชาชนในสินค้าอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้น

เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต ประกอบกับ ได้รับอานิสงส์มาตรการของรัฐ ที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการปรับกลยุทธ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล ทั้งการขยายสาขาใหม่ รวมทั้งการนำสินค้าซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายที่จำเป็นเข้ามาจัดจำหน่ายเพิ่มเติม โดยเฉพาะสินค้าที่มีมาร์จินสูง

ดังนั้น บริษัทจึงปรับเป้าหมายรายได้ปี 2564 ให้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของบริษัท ซึ่งตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากต้นปีที่ผ่านมาวางไว้จะเติบโต 10-15%แม้จะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19แต่กลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บวกกับอานิสงส์ จากมาตรการการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ทำให้ประชาชนยังมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอย สินค้าสำหรับอุปโภคและบริโภค และคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี เศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัว จากการเดินหน้าฉีดวัคซีน และมาตรการการควบคุมการระบาดในปัจจุบันเริ่มมีทิศทางดีขึ้น


ทั้งนี้ ตามแผนการขยายสาขาในปี 2564 ถือว่าประสบความสำเร็จตามที่บริษัทวางไว้ โดยในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ บริษัทเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา ทำให้ให้ปัจจุบันมี 35 สาขา ครอบคลุมจังหวัดเชียงรายจำนวน 28 สาขา เชียงใหม่ 2 สาขา และพะเยา 5 สาขา และกำลังดำเนินการเปิดสาขาใหม่อีก 3 สาขา คือ ในจังหวัดเชียงราย 2 สาขา และ จังหวัดเชียงใหม่ 1 สาขา ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ส่งผลสิ้นปีมี 38 สาขา โดยเป็นการเปิดสาขามากขึ้นจากเป้าเดิมต้นปีที่บริษัทตั้งเป้าจะเปิดจำนวน 5 สาขา

"สาขาใหม่ที่เปิดให้บริการไปแล้วนั้น จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง และปี 2565 รวมไปถึงการเตรียมขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ ปรับตัวสู้สถานการณ์โควิด-19 และการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ภาพรวมยอดขายทั้งปีมีแนวโน้มทำได้ดีกว่าเป้า และคงความสามารถในการทำกำไรที่ดี ตอกย้ำความสำเร็จของร้านค้าปลีกท้องถิ่นคนไทย ที่มีการเติบโตในทุกๆปี”

เขา บอกต่อว่า เป้าหมายการขยายสาขาของบริษัทในปี 2565 ตั้งเป้าขยายสาขาไม่ต่ำกว่าปีนี้ที่จำนวน 6 สาขา หลักๆ จะเป็นพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ไม่ว่าจะเป็น เชียงราย , เชียงใหม่ , พะเยา แต่บริษัทก็ยังศึกษาในจังหวัดอื่นๆ ด้วย ไม่ได้ปิดกั้นเฉพาะจังหวัดดังกล่าว

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่โซนภาคเหนือ เริ่มกลับมาฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายลง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง (ล็อคดาวน์)ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีการเดินทางมากขึ้น และเริ่มมีการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งเป็นการสนับสนุนภาพรวมยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อนอีกด้วย

พร้อมทั้ง ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด ควบคู่การเดินหน้าช่วยเหลือสังคม ในการให้บริการสินค้าผ่านการร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐ อาทิ รถโมบายพาณิชย์


“แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 คาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก แม้จะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เพราะกลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บวกกับอานิสงส์ จากมาตรการการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ”

สุดท้าย “อมร” ทิ้งท้ายไว้ว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือให้มากที่สุด จึงคาดสิ้นปีจะมี 37 สาขา หนุนเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%