ยิ่งกว่าพร้อม! 'ร้านอาหาร' เด้งรับเปิดนั่งกิน เข้มตั้งการ์ดป้องโควิด

ยิ่งกว่าพร้อม! 'ร้านอาหาร' เด้งรับเปิดนั่งกิน เข้มตั้งการ์ดป้องโควิด

  • 0 ตอบ
  • 84 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Beer625

  • *****
  • 3030
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




ร้านอาหารคึกคัก พร้อมกลับมาเปิดให้บริการ หลังรัฐเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ 1 ก.ย. 64 เซ็นฯ เผยระยะแรกเป็นช่วงฮันนีมูน ผู้ประกอบการต้องร่วมมือรัฐเต็มที่ เพื่อป้องกันโรคระบาด ทั้งฉีดวัคซีน ตรวจคัดกรองเอทีเคให้พนักงาน ยอมรับส่งผลต้นทุนสูงขึ้นหลักล้าน เพนกวิน อีท ชาบู ชี้มาถึงจุดที่ผู้ประกอบการยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ร้านได้เปิด มีเงิน จ่ายค่าจ้างพนักงาน  

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารมีความพร้อมมากในการกลับมาเปิดให้บริการนั่งทานในร้านหรือไดอินอีกครั้ง พร้อมร่วมมือดำเนินมาตรการด้านสุขอนามัย และป้องกันโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการฉีดวีคซีนให้กับพนักงาน รวมถึงการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจเอทีเค ตามมาตรการป้องกันตนเองในการให้บริการแก่ลูกค้า

ทั้งนี้ ยอมรับว่าการตรวจคัดกรองด้วยชุดเอทีเค ส่งผลต่อต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นหลักล้านบาท เนื่องจากชุดตรวจมีราคาค่อนข้างสูงหลัก 200-300 บาท และบริษัทมีพนักงานราว 3,000 คน จึงสร้างความลำบากใจให้กับผู้ประกอบการเล็กน้อย ดังนั้นการคัดกรองจึงอาจทำเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงของโรค ยังไม่ได้รับวัคซีน

“การตรวจคัดกรองพนักงานด้วยชุดเอทีเค อาจต้องมีการปรับจูน ทำความเข้าใจเล็กน้อย”


บุญยง ตันสกุล

ขณะเดียวกัน ร้านอาหารที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ สามารถให้บริการนั่งทานในร้าน 50% ของความจุที่นั่ง ส่วนร้านที่ไม่ได้เปิดแอร์ให้บริการนั่งทานในร้านได้ 75% ความจุที่นั่ง อัตราดังกล่าวถือว่าพอใจแล้ว โดยเฉพาะร้านที่ไม่ได้เปิดแอร์ เพราะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ร้านนอกศูนย์การค้าต่างๆจะได้กลับมาต่อลมหายใจธุรกิจอีกครั้ง ซึ่งหากพิจารณาอัตราลูกค้าเข้าใช้บริการบางร้านไม่เต็ม 100% อยู่แล้ว ช่วงเวลาการกลับมาเปิดให้นั่งทานในร้านอีกครั้งยังถือเป็นช่วงฮันนีมูนด้วย

“เปิดให้นั่งทานในร้าน 50% หรือ 75% ได้ ถือว่าดีใจแล้ว ซึ่งผู้ประกอบการร้านอาหารคงต้องช่วยกันดูแลเรื่องมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งพนักงาน ลูกค้า รวมถึงผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะกินเวลาราว 60 วัน อาจไม่ต้องทำตลอด เพราะในไตรมาส 4 เราจะมีวัคซีนทางเลือกที่เอกชนหลายรายนำเข้ามา รวมถึงวัคซีนที่รัฐจัดหาด้วย ถือว่าเรามาถูกทางแล้ว แต่ช่วงการกลับมาเปิดให้นั่งทานในร้านเป็นฮันนีมูนพีเรียด ทุกคนต้องร่วมมือกัน จากนั้นธุรกิจไตรมาส 4 น่าจะปรับตัวดีขึ้น ปีนี้คาดว่าจะสดใส”

สำหรับเซ็นฯ เตรียมตัวรับการคลายล็อกดาวน์ร้านอาหาร โดยเริ่มมีการสั่งซื้อวัถุดิบมาไว้เสิร์ฟผู้บริโภคาแล้ว รวมถึงการคัดสรรพนักงานที่ได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า โดยประเมินร้านที่มีสาขาในศูนย์การค้าจะมีลูกค้าหรือทราฟฟิกเข้ามาใช้บริการ 70-80%


นอกจากนี้ บริษัทต้องบริหารจัดการครัวกลางหรือคลาวด์คิทเช่นที่อยู่นอกศูนย์การค้า สาขาไหนที่อยู่ใกล้ร้านที่ตั้งในห้างค้าปลีก ซึ่งมีความซ้ำซ้อน อาจต้องยุติให้บริการ นำมารวมที่สาขาดังเดิม ส่วนโมเดลไหนที่ขยายต่อระยะยาวได้ ยังเดินหน้า เช่น คลาวด์คิทเช่นสำหรับแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น ทั้งอากะ เซ็น และออน เดอะ เทเบิล และจะหาโอกาสขยายพื้นที่เพิ่มผ่านรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด สาขาในห้างและนอกห้าง

“การเข้าหารือกับกระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้ ภาครัฐรับฟังข้อเสนอของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นเรื่องน่าดีใจอย่างมาก ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกว่าเมื่อมาแล้วต้องไม่กลับมือเปล่า”

ด้านนายธนพันธ์ วงศ์ชินศรี ผู้ร่วมก่อตั้งร้านเพนกวิน อีท ชาบู กล่าวว่า เมื่อรัฐเตรียมประกาศคลายล็อกดาวน์ให้ร้านอาหารกลับมาเปิดบริการนั่งทานในร้านได้อีกครั้งโดยมีเงื่อนไขการฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรองพนักงานด้วยชุดตรวจเอทีเค รวมถึงมาตรการอื่น ในฐานะผู้ประกอบการยืนดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง


ธนพันธ์ วงศ์ชินศรี  Cr.Thanapan Vongchinsri

“ขณะนี้มาถึงจุดที่ผู้ประกอบการยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เปิดร้านอีกครั้ง แม้จะมีต้นทุนพิ่มจากการตรวจคัดกรองพนักงานด้วยชุดตรวจเอทีเคก็ตาม เพราะอย่างน้อยร้านจะมีรายได้จ่ายพนักงาน ส่วนพนักงานก็จะมีรายได้เช่นกัน และการเปิดร้าน 50% หรือ 75% ย่อมดีกว่าไม่ได้เปิดเลย”

ทั้งนี้ เพนกวินฯ เตรียมความพร้อมเปิดร้านแล้ว ทั้งการทำความสะอาด อบรมพนักงานในการให้บริการแก่ลูกค้า เป็นต้น แต่ยอมรับว่าการเปิดร้านครั้งนี้ไม่สามารถทำได้ครบทุกสาขา ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่ 6-7 สาขา จากเดิมมี 10 สาขา เนื่องจากขาดแคลนพนักงาน บางส่วนมีการหยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนหรือลีฟ วิท เอาท์ เปย์ ฯ ขณะเดียวกัน ยังมีการพิจารณาจะปิดร้านเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้ ยังเตรียมกลยุทธ์การตลาด ออกโปรโมชั่นสำหรับหน้าร้าน และโปรโมชั่นสำหรับเดลเวอรี่โดยเฉพาะ เพื่อรักษายอดขายทั้ง 2 ส่วนไม่ให้หดตัว

“เบื้องต้นคาดว่าจะกลับมาเปิดร้านได้เพียง 4 สาขาเท่านั้น เพราะไม่มีกำลังคนเพียงพอเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า พร้อมกันนี้เราเตรียมทำโปรโมชั่นเพื่อรักษายอดขายเดลิเวอรี่ไม่ให้ตก และไม่ให้กระทบยอดขายหน้าร้านด้วย”