บจ. ใน mai ทำกำไร Q2/64 รวม 1,657 ล้านบาท 

บจ. ใน mai ทำกำไร Q2/64 รวม 1,657 ล้านบาท 

  • 0 ตอบ
  • 84 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Chanapot

  • *****
  • 3237
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 


บจ. ใน mai ทำกำไร Q2/64 รวม 1,657 ล้านบาท 
« เมื่อ: สิงหาคม 25, 2021, 08:21:06 pm »


บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 มียอดขายรวม 43,176 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน 2,829 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 1,657 ล้านบาท โดยพบว่ายอดขายและกำไรจากการดำเนินงานเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 172 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 179 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงานรอบไตรมาส 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 พบ บจ. ที่รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 115 บริษัท คิดเป็น 67% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด

ผลประกอบการ บจ. mai ไตรมาส 2 ปี 2564 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 มียอดขายรวม 43,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% ต้นทุนรวม 33,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 22.9% มาอยู่ที่ 22.6% กำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) 2,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% โดย บจ. สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี ทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.6% เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1,657 ล้านบาท ลดลง 24.5% และมีอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 5.1% เป็น 3.8% อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการงวด 6 เดือน ปี 2564 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน พบว่ามียอดขายรวม 85,299 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 5,266 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,851 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9.8%, 62.3% และ 3,882% ตามลำดับ

“ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ภาครัฐเริ่มใช้มาตรการเข้มงวดในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 และได้ผ่อนคลายลงในเวลาถัดมา ทำให้ผลประกอบการช่วงดังกล่าวเป็นจุดต่ำสุด ประกอบกับในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บจ. สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ทำให้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรสุทธิเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3 ลำดับแรก คือ สินค้าอุปโภคบริโภค จากกลุ่มธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องมือแพทย์ รองลงมาคือ ทรัพยากร และ สินค้าอุตสาหกรรม” นายประพันธ์กล่าว

ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 286,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากสิ้นปี 2563 และโครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 1.10 เท่า เท่ากับสิ้นปี 2563

ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 179 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2564) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 507.29 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 374,160 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 5,068 ล้านบาทต่อวัน