กทม. จัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi CI) ช่วยลดการแพร่ระบาดโควิด

กทม. จัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi CI) ช่วยลดการแพร่ระบาดโควิด

  • 0 ตอบ
  • 80 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

hs8jai

  • *****
  • 2219
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




กทม. โดยสำนักงานเขต และศูนย์บริการสาธารณสุข เพิ่มศักยภาพรองรับผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียว จัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation: Semi CI) ในพื้นที่ 5 กลุ่มเขต มุ่งหวังช่วยลดการแพร่ระบาดและติดเชื้อในครัวเรือน ดูแลเข้มตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมส่งต่อโรงพยาบาลทันทีหากอาการรุนแรง

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข ได้ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย เดือนสิงหาคมนี้พื้นที่กรุงเทพฯ พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่กรุงเทพมหานครเร่งค้นหาผู้ป่วยโดยตรวจคัดกรองเชิงรุกอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงยิ่งขึ้น รวมถึงการลงพื้นที่ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชนโดยทีม Bangkok CCRT ขณะเดียวกันโรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัดกรุงเทพมหานครจะเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีแดง รวมทั้งการเพิ่มศูนย์พักคอยฯ ให้ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ

“สำหรับมาตรการรองรับผู้ติดเชื้อในขณะนี้ ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation: CI) กทม. เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียว สามารถเปิดให้บริการศูนย์พักคอยฯ ไปแล้ว 64 แห่ง จากทั้งหมด 70 แห่งใน 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ส.ค. 64)  รวมทั้งได้มีการยกระดับศูนย์พักคอยฯ ให้เป็นโรงพยาบาลสนามระดับกลุ่มเขต หรือ CI PLUS จำนวน 7 แห่ง โดยติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเหลือง ได้มากขึ้น ปัจจุบันรองรับผู้ป่วยได้มากกว่า 1,000 เตียง   นอกจากนี้ กทม. ยังได้รับความร่วมมือจากภาคประชาสังคมในการร่วมจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation: Semi CI) โดยปัจจุบันเปิดแล้ว 55 แห่ง จากทั้งหมด 125 แห่ง โดย กทม.จะขยายแนวคิดนี้ไปสู่ชุมชนอื่นที่มีความพร้อมต่อไป” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าว

นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า “นอกจากสำนักงานเขตจะดำเนินการจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ หรือ (Community Isolation) เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียว อย่างน้อย 1 เขต 1 ศูนย์พักคอยฯ แล้ว ยังมีศูนย์พักคอยฯ ขนาดย่อมที่ชาวชุมชนได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้น หรือที่เรียกว่าศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation : Semi CI) เพื่อแยกกักรักษาผู้ป่วยจากชุมชน ปัจจุบันได้มีการจัดตั้งแล้ว จำนวน 55 แห่ง  ซึ่งการจัดตั้งศูนย์พักคอยฯ ดังกล่าวถือเป็นการดำเนินการโดยชุมชนเพื่อชุมชนอย่างแท้จริง ต้องขอขอบคุณหลาย ๆ หน่วยงานที่อนุญาตให้ใช้สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นอาคารเรียน สถานที่ราชการ หอพัก หอประชุม วัด รวมทั้งให้การสนับสนุนระบบสื่อสาร ไฟฟ้า น้ำประปา เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ของใช้จำเป็นสำหรับผู้ป่วย ตลอดจนเอื้อเฟื้อบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วย ที่ขาดไม่ได้เลยคือ อาสาสมัคร จิตอาสา กล่าวได้ว่า ศูนย์พักคอยฯ นี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ หากชุมชนใดมีความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน สามารถติดต่อสำนักงานเขตพื้นที่ได้ค่ะ”



ทั้งนี้  จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564  ระบุว่า กทม. ได้จัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชนแล้วจำนวน 125 แห่ง  ในพื้นที่ 5 กลุ่มเขต เปิดแล้ว 55 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้กว่า 1,000 เตียง สำหรับกลุ่มเขตที่มีการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน เรียงตามลำดับจากมากไปน้อย คือ กรุงเทพตะวันออก จำนวน 27 แห่ง กรุงธนใต้ จำนวน 14 แห่ง กรุงเทพกลางและกรุงเทพใต้ จำนวน 5 แห่ง และกรุงธนเหนือ จำนวน 4 แห่ง



นายธนาชิต  ชูติกาญจน์  ผู้อำนวยการเขตทุ่งครุ ได้เปิดเผยข้อมูลการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation : Semi CI) ในพื้นที่ว่าเป็นนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และปลัดกรุงเทพมหานคร ที่ให้เขตจัดหาสถานที่ภายในชุมชนเพื่อจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน ลดการแพร่ระบาดในครัวเรือน เนื่องจากภายในชุมชนแต่ละชุมชนมีสถานที่ที่เหมาะสมต่อการจัดตั้งศูนย์ฯ ตัวอย่างเช่น ที่ทำการของชุมชน มัสยิด สถานที่รับเลี้ยงเด็ก เป็นต้น

การจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation : Semi CI)   เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรุงเทพมหานคร   โดยฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ของสำนักงานเขต ร่วมกับ ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ คณะกรรมการชุมชน จิตอาสาในชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) คอยให้การดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมส่งต่อทันทีหากมีอาการรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ กทม.ยังได้งบประมาณจากเงินสนับสนุนชุมชน โดยนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เตียง ที่นอน ชุดเครื่องนอน เครื่องใช้จำเป็น ผ้าห่ม ยา อาหาร ให้กับผู้ป่วยที่อยู่ในศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation: Semi CI)



ศูนย์แยกกักในชุมชน เป็นการแยกผู้ป่วยออกมาจากบ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดภายในครอบครัว โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วน คือ
1. คณะกรรมการชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ในพื้นที่ และประชาชนจิตอาสา มีหน้าที่หลักในการดูแลผู้ป่วย จัดทำทะเบียนผู้ป่วย ตลอดจนการประสานงานกับสำนักงานเขตและศูนย์บริการสาธารณสุข ในการดูแลผู้ป่วย และนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล
2. สำนักงานเขตมีหน้าที่สนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ  เช่น  ชุดเครื่องนอน  เครื่องใช้  อาหาร  ยา  และสนับสนุนการตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวมถึงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยนำส่งโรงพยาบาล และจัดการขยะติดเชื้อต่าง ๆ
3. ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ มีหน้าที่ในการสอบสวนโรค ตรวจวินิจฉัย จ่ายยา และให้คำปรึกษากับผู้ป่วย



“ปัจจุบัน เขตทุ่งครุได้เปิดศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation: Semi CI) แล้วทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่ ชุมชนอัตตักวา รองรับได้ 10 เตียง ชุมชนดารีซีน รองรับได้ 25 เตียง ชุมชนใต้สะพาน รองรับได้ 20 เตียง และเร็ว ๆ นี้ จะเปิดอีก 1 แห่ง ที่ชุมชนซอยประชาอุทิศ 72 (มัสยิดเนียะมะตุลลอฮ์)  รองรับได้ 30 เตียง   โดยขณะนี้จำนวนผู้ป่วยสะสมที่กักตัว ณ ศูนย์แยกกักในชุมชน  มีดังนี้  ชุมชนอัตตักวา มีผู้ป่วยสะสม 8 คน หายป่วยแล้ว 3 คน  ชุมชนดารีซีน มีผู้ป่วยสะสม 8 คน หายป่วยแล้ว  6 คน ชุมชนใต้สะพาน โซน 1  มีผู้ป่วยสะสม 12 คน หายป่วยแล้วทั้งหมด ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ยังรักษาคงเหลืออยู่ทั้งหมด 7 คน”

ผู้อำนวยการเขตทุ่งครุ กล่าวเพิ่มเติมถึงประโยชน์ในการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation: Semi CI) ว่าเป็นการช่วยลดการแพร่ระบาดได้ เพราะปัจจุบันมีผู้ป่วยมากขึ้น  ทำให้เตียงรักษาไม่เพียงพอ  ซึ่งหากผู้ป่วยรู้ผลเร็ว  จะรักษาได้เร็ว และปัญหาการแพร่ระบาดก็จะลดลงไปได้

“จากข้อมูลของเขตทุ่งครุในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา   พบว่ามีผู้ป่วยมากขึ้น  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแพร่ระบาดในครอบครัว     ผมมองว่าศูนย์แยกกักในชุมชนจึงมีความจำเป็น เพราะถ้าเราช้าไปหนึ่งวัน เท่ากับว่าผู้ป่วยอาจจะนำเชื้อไปติดต่อกับคนอื่นหรือติดคนในครอบครัวได้อีก ซึ่งศูนย์แยกกักในชุมชน จะช่วยตัดวงจรนี้ได้ ถ้าเราแยกผู้ป่วยออกมา จะเป็นการลดการแพร่ระบาดได้ รู้เร็ว หยุดเร็ว ปัญหาการแพร่ระบาดก็จะลดลงไปได้” ผู้อำนวยการเขตทุ่งครุ กล่าว



ด้าน นายชำนาญ โนรัญประธานชุมชนอัตตักวา เล่าว่า ได้เริ่มจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation: Semi CI)  เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา  โดยก่อนการจัดตั้ง  มีการประชาสัมพันธ์และหารือเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในชุมชนก่อน  เพราะการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation: Semi CI)  ค่อนข้างใกล้ชิดกับชุมชน   ชาวบ้านอาจจะกังวลเรื่องความปลอดภัย  เช่น  เรื่องขยะติดเชื้อ หรือเชื้อโรคต่าง ๆ
“ก่อนการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน  จะมีการประชาสัมพันธ์  ถามความคิดเห็น และพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไร โดยเราจะให้เหตุผลความจำเป็นว่าทำไมถึงต้องมีศูนย์แยกกักในชุมชน ตอนแรก ๆ ประชาชนเขากังวลเรื่องเชื้อโรคที่อาจจะแพร่กระจายไปในอากาศ ซึ่งตรงนี้ สำนักงานเขตก็ได้เข้ามาสนับสนุนด้วยการมอบหมายฝ่ายโยธา นำอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาปิดกั้นสถานที่ให้มิดชิด และมีมาตรการป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะเล็งเห็นว่าการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน จะสามารถทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลได้อย่างทั่วถึงและลดการแพร่ระบาดในชุมชนได้” ประธานชุมชนอัตตักวา กล่าว   



ขณะที่ นางพนมไพร  ทองดี  อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร ศูนย์สาธารณสุข 59 ทุ่งครุ ประจำชุมชนใต้สะพาน โซน 1 ได้ให้ข้อมูลถึงการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation : Semi CI) ของชุมชนใต้สะพาน โซน 1 ว่า มีการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชนที่ศูนย์เด็กเล็กภายในชุมชน โดยก่อนการจัดตั้งจะประชาสัมพันธ์ให้ชาวชุมชนทราบก่อน สำนักงานเขตและศูนย์บริการสาธารณสุขมาให้ความรู้และข้อเสนอแนะ ซึ่งประชาชนยินดีให้ความร่วมมือและเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะมีศูนย์แยกกักในชุมชน

“การจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน สามารถดูแลและรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว เช่น ใครที่เจ็บคอนิดหน่อย เราจะทำการตรวจหาเชื้อทันที มีทีมหมอเชิงรุกเข้ามาช่วยตรวจ ถ้าใครที่ผลตรวจเป็นบวก จะแยกกักตัวทันที ซึ่งผู้ติดเชื้อในชุมชนเองก็ดีใจที่มีการจัดตั้งศูนย์ฯ   นอกจากนี้  เราเข้าไปทำความเข้าใจกับผู้ป่วยด้วยว่า  ไม่ต้องกังวล  ที่นี่ก็สามารถรักษาหายได้ ดูแลใกล้ชิด  
ไม่ต่างจากโรงพยาบาล ซึ่งหากผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่ไม่สามารถแยกกักตัวรักษาที่บ้านได้ ก็มากักตัวที่ศูนย์แยกกักในชุมชนได้ แต่สำหรับคนที่เริ่มเป็นกลุ่มสีเหลือง เราจะส่งไปอยู่ในโรงพยาบาลสนามระดับกลุ่มเขต หรือหากเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองที่ค่อนไปทางผู้ป่วยกลุ่มสีแดง จะประสานที่ 1669 เพื่อส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลสนามหรือโรงพยาบาลหลักต่อไป จะเห็นว่า ศูนย์แยกกักในชุมชนก็สามารถช่วยคัดกรองและดูแลผู้ป่วยในเบื้องต้นได้เหมือนกัน”



นางพนมไพร ทองดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตอนนี้ชุมชนใต้สะพาน โซน 1 มีผู้ป่วยที่อยู่ภายในศูนย์ฯ 2 คน ต้องขอบคุณสำนักงานเขตและศูนย์บริการสาธารณสุขที่จัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชนให้ อีกทั้งเรายังได้ให้กำลังใจ ดูแลรักษากันอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว คนที่มารักษาที่นี่ก็ค่อย ๆ หายป่วยกลับบ้านกันไปทุกคนแล้วค่ะ”

อย่างไรก็ตาม กทม. มีแผนที่จะเดินหน้าเรื่องการจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชน (Semi Community Isolation : Semi CI) ในพื้นที่เขตอื่น ๆ ของกรุงเทพฯ ต่อไป โดยชุมชนหรือภาคเอกชนใดที่มีความพร้อมสามารถร่วมจัดตั้งศูนย์แยกกักในชุมชนกับทาง กทม.ได้เช่นกัน โดยติดต่อได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่ ทั้งนี้ความมุ่งหวังก็เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดและติดเชื้อในครัวเรือน รวมถึงประชาชนที่ป่วยจะได้เข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย