สหกรณ์คัดสินค้าพรี่เมี่ยมขึ้นตลาดสินค้าเกษตรตัวจริง

สหกรณ์คัดสินค้าพรี่เมี่ยมขึ้นตลาดสินค้าเกษตรตัวจริง

  • 0 ตอบ
  • 78 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Beer625

  • *****
  • 3030
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เตรียมสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร พัฒนาและยกระดับทำธุรกิจค้าขายสินค้าเกษตรระดับพรีเมี่ยม เพื่อนำผลผลิตการเกษตรจากสมาชิกสหกรณ์หรือเกษตรกรทั่วไป                 ในพื้นที่ต่าง ๆ คัดเกรดคุณภาพมาบริการและจำหน่ายสู่ผู้บริโภค นอกเหนือจากธุรกิจปกติที่สหกรณ์รวบรวมผลผลิตและ                 ส่งจำหน่ายให้กับคู่ค้าประจำ ทั้งห้างโมเดินเทรดและพ่อค้าเอกชนเท่านั้น  
 

 ซึ่งกรมฯจะผลักดันให้สหกรณ์ยกระดับเป็น  ตลาดสินค้าเกษตรเกรดพรีเมี่ยม เป็นตลาดทางเลือกสำหรับให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าซื้อสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและมีความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้าจากสหกรณ์  โดยเฉพาะในยุคการค้าออนไลน์ที่ผู้ซื้อสามารถเข้าสั่งซื้อสินค้าได้  ทางอินเตอร์เน็ต คาดว่าแนวทางนี้จะช่วยส่งเสริมให้สหกรณ์การเกษตรเป็นตลาดสินค้าเกษตรกรคุณภาพที่แท้จริง                      สามารถคัดสรรสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตอบสนองผู้บริโภคซึ่งมีความต้องการสินค้าคุณภาพด้วยเช่นกัน


            “ ผมหวังว่าสหกรณ์จะเป็นตลาดสินค้าเกษตรพรีเมี่ยม ตลาดใหม่ และต้องดีกว่าทุกตลาดเพราะเป็นความร่วมมือของสหกรณ์และสมาชิกที่ต้องช่วยกันนำเสนอของดีให้กับผู้บริโภคที่ต้องได้ทานของดีเกรดส่งออก จากเดิมที่ประชาชนทั่วไปมักจะได้บริโภคสินค้าเกรดรอง  จนมีคำพูดที่ว่าคนไทยไม่ได้กินของดี ของเกรดส่งออกหากินยาก เป็นต้น “

            เดิมทีสหกรณ์การเกษตรได้มีการซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่างกันในเครือข่ายสหกรณ์ หรือเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้า เพื่อช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกในช่วงฤดูผลไม้ราคาตกต่ำ  เป็นประจำเกือบทุกปี แต่นั่นเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งจากประสบการณ์เหล่านั้น ควรยกระดับมาทำเป็นธุรกิจปกติของสหกรณ์เลย สหกรณ์การเกษตรควรเข้าสู่การทำธุรกิจการค้าสินค้าเกษตรระดับพรีเมี่ยมได้แล้ว  ภายใต้การสนับสนุนของกรมส่งเสริมสหกรณ์

  สินค้าเป้าหมายเบื้องต้น เช่น ข้าว  พืชผัก ผลไม้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน หรือสินค้าเกษตรที่ผู้บริโภคสนใจจะสั่งซื้อจากสหกรณ์ทั่วประเทศ โดยกรมมีตัวอย่างสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จเช่น สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี  จำกัด จังหวัดนครศรีธรรมราช  สหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด และสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สามารถยกระดับการขายมังคุด เงาะ คัดเกรดคุณภาพ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ                 จนเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ  และในปีที่ผ่านมาสหกรณ์การเกษตรสามารถรวบรวมผลไม้ได้กว่า 30,000 ตัน                   มูลค่ากว่า 789 ล้านบาท

 

 

            “กรมฯ พร้อมสนับสนุนสหกรณ์ที่ต้องการพัฒนาและยกระดับธุรกิจเข้าสู่รูปแบบดังกล่าวโดยสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ของกองทุนพัฒนาสหกรณ์(กพส.) นอกจากนั้น พร้อมที่จะประสานให้สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี จำกัด เป็นพี่เลี้ยงอบรมการทำธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ให้อีกทางหนึ่ง  “


อย่างไรก็ตามเป้าหมายสำคัญของโครงการนี้ก็เพื่อให้ขบวนการสหกรณ์เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสมาชิกตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับราคาสินค้าเกษตรของเกษตรกร ขณะที่สหกรณ์เหล่านั้นก็จะต้องเข้าไปช่วยส่งเสริมสมาชิกของท่านในการพัฒนาแปลง พัฒนาสวน พัฒนาไร่ เพื่อยกระดับเป็นแปลงการเกษตรที่ดีหรือจีเอพี  การยกระดับ    โรงคัดบรรจุหรือล้งเป็น GMP เพื่อคัดสรรนำผลผลิตคุณภาพสู่ผู้บริโภค

            ทั้งนี้ก่อนหน้ากรมส่งเสริมสหกรณ์ มีโครงการแก้ปัญหาระยะสั้นในช่วงราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ โดยการสนับสนุนให้มีการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรภายในเครือข่ายสหกรณ์ด้วยกัน เช่น สหกรณ์การเกษตรที่ขายข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับสหกรณ์ที่จำหน่ายผลไม้ในภาคใต้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน หรือโครงการแลกผลไม้กับข้าว                    เช่น สหกรณ์ในจังหวัดพะเยาและพิจิตร แลกข้าวกับมะม่วง สหกรณ์ในจังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอ็ด แลกข้าวกับผลไม้                กับสหกรณ์ในภาคใต้ เป็นต้น  ช่วยกระตุ้นราคาสินค้าในพื้นที่ให้สูงขึ้น

 

  ผลจากการแลกเปลี่ยนระหว่างข้าวและผลไม้ ปริมาณกว่า 1,221.33 ตัน มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท สามารถดูดซับปริมาณและพยุงราคาผลผลิตของเกษตรกรผู้ผลิต   ไม่ให้ตกต่ำ ผู้บริโภคปลายทางได้บริโภคผลไม้ที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้จำหน่ายและผู้บริโภค

 

            ผลจากการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบัน ปริมาณผลผลิตมังคุดและเงาะของสมาชิกสหกรณ์และ                กลุ่มเกษตรกรในภาคใต้ ผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วกว่า 60 % ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด และคาดว่าปริมาณผลผลิตเงาะจะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ในส่วนของปริมาณผลผลิตมังคุดของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ยังคงเหลือปริมาณผลผลิตที่ต้องเก็บเกี่ยวอีกจำนวน 40 % คาดว่าจะสามารถจำหน่ายผลผลิตได้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งราคารับซื้อผลผลิตมังคุด ปรับตัวสู่ขึ้น จากช่วงเดือนกรกฎาคม ราคาอยู่ที่ 7-10 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 23 – 47 บาท ต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของมังคุด ทำให้สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรในพื้นที่มีความพึงพอใจที่สามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เพิ่มสูงขึ้น