'แบงก์-นอนแบงก์'ขานรับธปท.อุ้มลูกหนี้ต่อหลังหมดพักหนี้2ด.

'แบงก์-นอนแบงก์'ขานรับธปท.อุ้มลูกหนี้ต่อหลังหมดพักหนี้2ด.

  • 0 ตอบ
  • 75 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Thetaiso

  • *****
  • 2964
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




นางสาวพัทธ์หทัย กุลจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลภายใต้แบรนด์ กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติม หลังจากจบมาตรการพักหนี้ ในการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยระยะเวลา 2 เดือนของธปท. 

ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยลดภาระหนี้ในกลุ่มลูกค้าที่ยังคงได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  โดยเฉพาะลดภาระจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งจะออกเป็นมาตรการใหม่ นอกเหนือจากมาตรการของบริษัทและธปท.ที่ให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว  เพราะมองว่าการพักหนี้ยังไม่ตอบโจทย์มากนัก เพราะหนี้รวมและหนี้ดอกเบี้ยไม่ได้ลดลง

  ดังนั้นบริษัทจึงพยายามคิดหามาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมเอง  สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด-19อยู่ หลังทางธปท. ให้แนวทางมา หากหมดมาตรการพักหนี้ 2เดือนแล้ว สถานการณ์ประเทศยังไม่ดีขึ้น

"ลูกค้าของเราส่วนใหญ่เป็นแฟนพันธุ์แท้กันมานาน หากยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด-19อยู่ ก็ต้องหาทางช่วยเหลือลดภาระหนี้อย่างไรได้บ้าง ไม่ให้พึ่งเงินกู้นอกระบบ  ซึ่งตามที่ทางธปท.ให้แนวทาง เราสามารถทำมาตรการช่วยเหลือใหม่ๆ โดยระบุกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักได้เอง ขณะที่มาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ยังคงอยู่ต่อเนื่อง" 

ลูกค้าลงทะเบียนพักหนี้แล้วหมื่นราย

    ปัจจุบันบริษัทให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่าน 4 มาตรการ คือ มาตรการพักหนี้นานสูงสุด 2 รอบบัญชี ของธปท. เริ่มให้ลูกหนี้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยเปิดสมัครขอความช่วยเหลือผ่านแอพฯ ยูชูส ตั้งแต่ 19 ก.ค.2564-18 ส.ค. 2564 ปัจจุบันมีลูกค้าของพักหนี้ จำนวน 10,000 ราย และยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมองว่าหากหมดมาตรการนี้ จำเป็นต้องมีมาตรการใหม่มาดูแลกลุ่มลูกค้าที่ยังได้รับผลกระทบรุนแรงอยู่ 

     ส่วนอีก 3 มาตรการช่วยเหลือของบริษัท ได้แก่   1.ปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ ตั้งแต่ 30 พ.ค.- 31 ธ.ค.2564  บัตรเครดิตขยายระยะผ่อนถึึง 48 เดิือน พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ และสินเชื่อบุคคล ขยายระยะผ่อนถึง99เดือน พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ    2. ปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้าที่มียอดค้างชำระ ขยายระยะเวลาผ่อนสูงสุด10ปี หรือ 120เดือน พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งแตกต่างไปตามยอดคงค้างของลูกค้า และ3 .ปรับลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ ปรับจาก5%เหลือ3% ดีกว่าตลาดที่ปรับจาก10%เหลือ5% สำหรับสินเชื่อบุคคล ส่วนบัตรเครดิตปรับจาก 10% เหลือ 5%  

      ทั้งนี้พบว่า ตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปัจจุบันลูกค้าเข้ามาขอความช่วยเหลือทุกมาตรการของบริษัท ไม่รวมพักหนี้ธปท. จำนวน  900,000 ราย คิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดบัญชีลูกค้า active และมียอดหนี้ 35,000ล้านบาท  โดยมาขอช่วยเหลือปรับลดการผ่อนชำระขั้นต่ำมากที่สุด จำนวน 600,000 ราย ลดภาระหนี้ให้กับลูกค้า ส่วนปรับโครงสร้างหนี้ 2 มาตรการมีจำนวน 110,000 ราย มียอดหนี้ 5,000-6,000ล้านบาท

โดยกลุ่มลูกค้าที่ขอความช่วยเหลือมากที่สุด เพราะมีรายได้ลดลงจากผลกระทบโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ อยู่ในจังหวัดสีแดงเข้ม ต้องธุรกิจปิดชั่วคราวและมีรายได้ไม่แน่นอน ซึ่งสัดส่วน80% ของฐานลูกค้าทั้งหมดเป็นกลุ่มมนุษย์เงินเดือน ซึ่งไม่มีผลกระทบจากเลิกจ้าง   

"เมืองไทยแคปปิตอล พร้อมร่วมมือธปท." 

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมืองไทย แคปปิตอลจำกัด (มหาชน) หรือ MTC กล่าวว่ามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมหลังหมดมาตรการพักหนี้ 2 เดือนนั้น ทางบริษัทยังรอประกาศจากทาง ธปท.ก่อน และยินดีจะให้ความร่วมมือกับ ธปท.อย่างเต็มที่ จากปัจจุบันมีลูกค้าขอช่วยเหลือพักหนี้กับบริษัทจำนวน 25,023 ราย อนุมัติให้ทุกราย