เปิดเทคนิคที่จะช่วยให้การ "
ขายออนไลน์" สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ ทำให้ขายสินค้าได้ทั่วโลก โดยที่ส่งของได้รวดเร็ว ราบรื่น และสะดวกสบาย
มีแม่ค้าออนไลน์หลายรายที่เริ่มมองหากลุ่มลูกค้าในประเทศอื่นๆ เพื่อขยายตลาดให้ร้านค้าออนไลน์ของตนเอง เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางหารายได้ให้เพิ่มพูนมากขึ้น แต่บางครั้งก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะมองว่าเป็นเรื่องยากลำบากและไกลตัว แต่รู้หรือไม่? ยุคนี้เป็นยุคทองของการ "ขายออนไลน์" ดังนั้นคุณจึงไม่ควรหยุดความฝันนั้นอีกต่อไป
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้รวบรวมข้อมูลที่ต้องรู้ในการเริ่มต้นค้าขายออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ รวมถึงขั้นตอนการส่งของข้ามประเทศที่สะดวกสบายด้วยบริการ “Courier Post” มาฝากกัน ดังนี้
1. รู้จัก E-MARKETPLACE ในต่างประเทศ
ก่อนอื่น “แม่ค้าออนไลน์” ต้องรู้จักช่องทางการขายที่เรียกว่า E-Marketplace หรือเว็บไซต์ที่ใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในต่างประเทศ โดยคุณสามารถสร้างร้านค้าและขายสินค้าผ่านเว็บเหล่านี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมี Dealer และไม่จำกัดขนาดธุรกิจ
แล้วจะขายในเว็บไซต์ไหนดี?
คำตอบคือ มีเว็บไซต์ขายออนไลน์ในต่างประเทศให้เลือกหลากหลาย เช่น eBay, Amazon, Best Buy, Alibaba, AliExpress, JD Worldwide, TMall, Taobao, WalMart, FlipKart, PayPay Mall ฯลฯ คุณสามารถลงทะเบียนและเปิดร้านค้าออนไลน์ได้ในเว็บไซต์ที่คุณสนใจ ทั้งนี้แต่ละเว็บไซต์ก็จะคิดค่าบริการในราคาแตกต่างกันไป
2. เช็ค "สินค้าไทย" ที่โดนใจลูกค้าต่างชาติ
มีข้อมูลจาก “กระทรวงพาณิชย์” ที่เผยแพร่ในช่วงการจัดแคมเปญ DITP’s Online Reseller Connect (24 พ.ค.64) ระบุว่า สินค้าที่อยู่ในความสนใจของยี่ปั๊วต่างประเทศ ได้แก่
สินค้าผลไม้สดและผลไม้แปรรูป
เครื่องดื่ม
ซอสปรุงรส
ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงาม
ผลิตภัณฑ์สปา
เครื่องประดับสำหรับเจ้าสาว
ของใช้บนโต๊ะอาหาร ของตกแต่งบ้าน
นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่มสินค้าไทยที่ขายดีตลอดกาลในตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ยาดม ยาหม่อง, ผ้าไหมไทย และผ้าทอมือไทย, กางเกงมวยไทย, ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เช่น น้ำมันมะพร้าว สครับมะพร้าว สบู่มะพร้าว, เครื่องหอมไทย อุปกรณ์สปา, ของประดับตกแต่งบ้าน เช่น รูปปั้นช้าง โมเดลรถตุ๊กตุ๊ก, กระเป๋าแฮนด์เมด เช่น กระเป๋าสาน หมวกสาน เป็นต้น
3. ใช้ “COURIER POST” ส่งของต่างประเทศได้เร็ว
อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อต้องการขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก นั่นคือ "วิธีการส่งสินค้า" แม่ค้าต้องศึกษาให้ดีว่าจะส่งของกับขนส่งเจ้าไหน ถึงจะได้รับบริการดี รวดเร็ว ปลอดภัย ราบรื่น หนึ่งในระบบขนส่งที่น่าลองใช้บริการ คือ "คูเรียร์โพสต์" ของไปรษณีย์ไทย ที่มีบริการส่งของไปต่างประเทศเช่นกัน เป็นบริการจัดส่งสิ่งของด่วนระหว่างประเทศทางอากาศ ทั้งในรูปแบบ Document และ Package (Merchandise)
คิดราคาตามน้ำหนักที่ชั่งจริงเท่านั้น (Gross weight) ราคา Net Price ไม่มีบวกเพิ่ม
สำหรับการส่งเอกสาร (Document) น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 2 กก.
สำหรับสิ่งของ (Merchandise) น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 30 กก.
รองรับการส่งสินค้าประเภทส่งของเหลวและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่ได้
สิ่งของที่จะส่ง ต้องมี Package ที่ได้มาตรฐานและต้องมาบรรจุและหุ้มห่อต่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์
ผู้ส่งสามารถขอรับกล่อง/ซองฟรีของบริการ Courier Post ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์
4. มีบริการส่งของแบบ Door to Door
คูเรียร์โพสต์มีบริการ On Demand Delivery (ODD) นั่นคือ ผู้รับสามารถเลือกรูปแบบการนำจ่ายได้ (เวลา /สถานที่) โดยไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม และการนำจ่ายถึงผู้รับในปลายทางต่างประเทศแบบ Door to Door หมายถึง บริการดำเนินผ่านพิธีการศุลกากรแบบเบ็ดเสร็จ ณ ประเทศปลายทาง
โดยทีมงานของระบบขนส่งที่ปลายทาง จะดำเนินการผ่านพิธีการขาเข้า ผู้รับที่ปลายทางจะเป็นผู้ชำระค่าภาษี (ถ้ามี) และขนส่งจะนำสินค้าไปส่งยังสถานที่ปลายทางที่ได้กำหนดไว้ โดยจะนำจ่ายสินค้าถึงที่อยู่ผู้รับในต่างประเทศภายใน 2 - 4 วัน (ไม่นับวันที่รับฝากและไม่รวมระยะเวลาดำเนินพิธีการศุลกากร ณ ประเทศปลายทาง)
5. มีเงินประกันค่าเสียหายให้
คูเรียร์โพสต์มีอัตราชดใช้ค่าเสียหาย กล่าวคือจะมีวงเงินชดใช้กรณีสูญหาย/เสียหาย จากความผิดพลาดของผู้ขนส่ง โดยจะชดใช้ตามมูลค่าที่เกิดขึ้นจริง โดยชดใช้ไม่เกิน 5,000 บาท สำหรับเอกสาร (Document) และชดใช้ไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับสิ่งของ (Merchandise) อีกทั้ง ผู้ฝากส่งยังสามารถซื้อประกันคุ้มครองเพิ่มสูงสุดไม่เกิน 1,000 SDR (ปี 2564: 1 SRD = 43.2231 บาท)
------------------------------
อ้างอิง :
ebaythailand
sell.amazon
corporate.jd
smmagonline
commercenewsagency
POST family