ราคาน้ำมันขยับขึ้นราว 1% ในวันพฤหัสบดี(5ส.ค.) ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวของตลาดทุนฉุดให้ราคาทองคำปรับลด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ ปิดที่ 69.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เครื่องบินรบของอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีในสิ่งที่พวกเขาระบุว่าเป็นฐานยิงจรวดในเลบานอนในวันพฤหัสบดี(5ส.ค.) ตอบโต้เหตุยิงจรวด 2 ลูกจากดินแดนเลบานอนเข้าใส่อิสราเอล ในสถานการณ์ความเป็นปรปักษ์ข้ามพรมแดนที่ลุกลามบานปลาย ท่ามกลางความตึงเครียดกับอิหร่าน
ความตึงเครียดดังกล่างก่อความกังวลเกี่ยวกับอุปทานทางพลังงาน ส่งผลให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวในวันพฤหัสบดี(5ส.ค.)
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(5ส.ค.) ปิดบวก เอสแอนด์พี500และแนสแดคทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากข้อมูลผู้เข้ารับสวัสดิการคนว่างงานที่ดีขึ้น ก่อนสหรัฐฯเผยแพร่รายงานการจ้างงานรายเดือนในวันศุกร์(6ส.ค.)
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 271.58 จุด (0.78 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,064.25 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 26.44 จุด (0.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,429.10 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 114.58 จุด (0.78 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,895.12 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 385,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ออกมาก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานรายเดือนในวันศุกร์(6ส.ค.) ซึ่งพวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีการจ้างงานเพิ่มเติมถึง 925,000 ตำแหน่ง และอัตราคนว่างงานน่าจะลดลงสู่ระดับ 5.6%
ส่วนราคาทองคำปิดลบในวันพฤหัสบดี(5ส.ค.) หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯดีดตัวขึ้น โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 5.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,808.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์/มาร์เก็ตวอตช์)