วันนี้ (16 กันยายน 2564) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2564 จำนวน 2 รางวัล ให้กับผู้แทนการไฟฟ้านครหลวง หรือ
MEA ที่ได้รับการประเมินผ่านเกณฑ์การรับรางวัลบริการภาครัฐ "ระดับดี" โดยมี นายวิลาศ เฉลยสัตย์ รองผู้ว่าการ MEA รับมอบประเภทรางวัล ยกระดับบริการที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ COVID-19 และ นายวีรวัจน์ บัวทอง รองผู้ว่าการ MEA รับมอบประเภทรางวัล ยกระดับการอำนวยความสะดวกในการให้บริการ โดยพิธีมอบรางวัลในครั้งนี้จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ผ่านระบบ Video Conference ถือเป็นความภาคภูมิใจของ MEA ที่พร้อมทุกสถานการณ์และนำนวัตกรรมทันสมัยยกระดับคุณภาพบริการเพื่อประชาชนต่อไป
MEA ในฐานะหน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้บริการจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ มีความห่วงใยประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบันจึงได้ให้ความสำคัญกับวิกฤตการณ์ COVID-19 อย่างต่อเนื่องโดยมีภารกิจเร่งด่วนในด้านงานบริการ ซึ่งต้องนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงได้รับการบริการได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การดำเนินงานของ MEA มีทิศทางที่สอดคล้องกับการประเมินเกณฑ์การรับรางวัลบริการภาครัฐ ในประเภทรางวัล ยกระดับบริการที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งที่ผ่านมา MEA ได้จัดทำระบบออนไลน์ MEA Smart Service เช่น ระบบ MEASY ที่รวมทุกบริการทั้งขอติดตั้งไฟฟ้าใหม่ ขอติดตั้งไฟฟ้าเพิ่มชั่วคราว ขอเพิ่ม-ลดขนาดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า การขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงการของดการใช้ไฟฟ้าชั่วคราวก็สามารถรับบริการได้ง่ายยิ่งขึ้น ช่วยลดความหนาแน่นในการใช้บริการที่การไฟฟ้านครหลวงเขตต่าง ๆ ลดการสัมผัสใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็น MEA Smart Life Application หรือนำระบบ Line MEA Connect ที่เข้าถึงประชาชนโดยง่ายและใช้งานสะดวกโดยสามารถตรวจสอบและชำระค่าไฟ แจ้งไฟฟ้าขัดข้อง ตลอดจนปรับเปลี่ยนงานบริการต่าง ๆ เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงในเชิงเศรษฐกิจ และสังคมในรูปแบบ New Normal ทั้งในด้านการยกระดับคุณภาพงานบริการต่าง ๆ ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสกระดาษ โดยเฉพาะบริการ MEA e-Bill ให้ผู้ใช้ไฟฟ้ารับเอกสารในรูปแบบออนไลน์ ผ่านทาง SMS หรือ Email เพื่อลดการใช้กระดาษ พร้อมช่องทางการติดต่อ ผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดได้ขับเคลื่อนผ่านการกำหนดแนวนโยบายของศูนย์บัญชาการคณะกรรมการจัดการวิกฤตการณ์ (Crisis Management Committee: CMC) โดยมีคณะผู้บริหารพิจารณา ประเมินสถานการณ์ เพื่อจัดการเหตุฉุกเฉิน และดำเนินการตามแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ พร้อมวางนโยบายและแนวทางต่าง ๆ เช่น การนำข้อมูล Big Data มาวิเคราะห์ออกแบบบริการ สร้างนวัตกรรมใหม่ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI เข้าสนับสนุนส่งเสริมการใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย
ขณะที่การดำเนินงานที่ตอบสนองการประเมินเกณฑ์การรับรางวัลบริการภาครัฐ ในประเภทรางวัล ยกระดับการอำนวยความสะดวกในการให้บริการนั้น MEA ได้ดำเนินการภายใต้คู่มือสำหรับประชาชน ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 โดยการลดขั้นตอนและระยะเวลาของงานบริการต่าง ๆ เช่น การคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้า การขอปักเสาพาดสายไฟฟ้า การขอย้ายเสา สาย และอุปกรณ์ การขอใช้ไฟฟ้าใหม่ การขอคืนเงินค่าบริการ และการของดใช้ไฟฟ้าชั่วคราว เป็นต้น ซึ่งการลดขั้นตอนดังกล่าวได้ส่งผลเชิงบวกต่อประชาชนในการเสียค่าบริการที่ลดลง แต่สามารถรับบริการได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การให้บริการผ่านระบบออนไลน์ยังเป็นส่วนเสริมที่ช่วยให้การธุรกรรมการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าสามารถคืนเงินให้กับประชาชนได้เป็นจำนวนมากถึง 5,226 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 เดือนแรกที่เริ่มเปิดให้บริการ ซึ่งช่วยเสริมสภาพคล่องให้ประชาชน และระบบเศรษฐกิจของประเทศในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2563 อีกด้วย