เอสที เทเลมีเดีย โกล. ดาต้าเซ็นเตอร์ (STT GDC) เห็นเทรนด์การเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลในไทยต่อเนื่อง 26.5% โดยเฉพาะปริมาณการใช้งานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และการมาของ 5G ทำให้ผู้ให้บริการคลาวด์ OTT และองค์กรธุรกิจ มีความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยเพิ่มขึ้น
ศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสที เทเลมีเดีย โกล. ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการบริการโคโลเคชันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจากองค์กร และผู้ให้บริการคลาวด์ในต่างประเทศ ที่เร่งขยายบริการเข้ามาเพื่อตอบรับกับการใช้งานดิจิทัลในไทย
“จากข้อมูลพบว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่ากว่า 30% ของการใช้งานดิจิทัลในไทย เพิ่งเริ่มใช้งานเป็นครั้งแรก และจะมีโอกาสใช้งานต่อเนื่องสูงถึง 95% ขณะเดียวกันการที่โอเปอเรเตอร์เริ่มให้บริการ 5G ทำให้มีปริมาณการใช้งานดีไวซ์ที่ออนไลน์เพิ่มขึ้นมหาศาล”
การที่ประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ใหญ่เป็นอันดับสองของภูมิภาคอาเซียน และอุตสาหกรรมดิจิทัล
ซื้อหวยออนไลน์ของประเทศไทย คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 มีอัตราเติบโต 25% ในปี 2563 และคาดการณ์ว่า จะมีมูลค่าเท่ากับ 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทยในปี 2570 ขณะเดียวกันในปี 2563 จำนวนผู้บริโภคในตลาดดิจิทัลได้เติบโตถึง 30% ส่วนตลาดอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตสูงถึง 81% ในช่วงระหว่างปี 2562-2563
จึงเป็นโอกาสของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญของไทย ในการให้บริการโคโลเคชัน ให้แก่ผู้ให้บริการคลาวด์ รวมถึงคอนเทนต์โพรวายเดอร์ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม OTT อย่างผู้ให้บริการสตรีมมิ่งต่างๆ ที่ใช้งานแบนด์วิดท์ปริมาณสูงมาก
“ปัจจุบันสัดส่วนการใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยกว่า 50% จะอยู่กับธุรกิจโทรคมนาคม และธนาคารอย่างละครึ่ง ในขณะที่ OTT มีสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น แต่เชื่อว่าในอนาคตจากเทรนด์การเติบโตในระดับนี้ เชื่อว่าสัดส่วนของ OTT มีโอกาสเพิ่มขึ้นไปเป็นสัดส่วนถึง 30%”
ล่าสุด STT GDC ได้เริ่มเปิดให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ STT Bangkok 1 แห่งแรกในแคมปัส STT Bangkok ซึ่งตั้งอยู่บนถนนหัวหมาก ด้วยอาคารมีความสูง 7 ชั้น บนพื้นที่ทั้งหมด 30,000 ตารางเมตร และมีกำลังไฟพร้อมใช้สูงถึง 20 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจของลูกค้า
“เป้าหมายของ STT GDC คือคาดว่าดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกที่ให้บริการรองรับกำลังไฟสูงถึง 20 เมกะวัตต์จะเต็มภายใน 5 ปีข้างหน้า และมีแผนที่จะขยาย STT Bangkok 2 เพิ่มในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า เพื่อให้แคมปัสแห่งนี้มีกำลังไฟรวมเป็น 40 เมกะวัตต์”
STT Bangkok 1 นับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลแห่งแรกของประเทศไทยที่ผ่านมาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์จากทั้ง TIA-942 Certification Rated-3 และ Uptime Institute Tier III Certification รวมถึงมาตรฐานอาคารสีเขียว LEED ระดับ Gold version 4 ทำให้มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงในเรื่องการใช้ทรัพยากรน้ำ พลังงาน คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร
พร้อมกับออกแบบบนมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด ประกอบด้วย ระบบป้องกันภัยหลายชั้น (multi-layer security) การควบคุมการเข้าออก กล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมาตรฐาน Threat and Vulnerability Risk Assessment (TVRA) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของการปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยสูงสุด