แผน "เปิดประเทศ" ของรัฐบาลนั้น "ไม่ง่าย" แต่ต้องเตรียมพร้อม เร่งรับมอบวัคซีนให้ได้ตามแผนที่เจรจาซื้อ ขณะที่ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือในการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะภาคเอกชนที่พร้อมสนับสนุน
ย้อนไปก่อนที่จะมีคำสั่งล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ก่อนที่จะขยายเป็น 29 จังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2564 ถึงนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและผู้ประกอบการถึงการคลี่คลายสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564
แต่หลังจากนั้นไม่นาน สายพันธุ์เดลตาระบาดในประเทศไทยรุนแรง จนทำให้มีผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 20,000 คน และมีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 1 ล้านคน
ช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลยังคงยืนยันนโยบายการเปิดประเทศไทยภายใน 120 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในอีกประมาณ 1 เดือนข้างหน้า โดยในระหว่างที่ประเทศไทยกำลังเจอมรสุมของสายพันธุ์เดลตา แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้านำร่องการเปิดประเทศผ่านโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ด้วยการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสและมีผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ตามเงื่อนไขให้เข้ามาท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต และสามารถข้ามไปเกาะที่มีการเปิดเพิ่มเติมด้วย รวมทั้งในฝั่งอ่าวไทยได้เปิดโครงการ “สมุย พลัส” เป็นโครงการต่อมา
ถึงแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึงการจองที่พักจะไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ถือเป็นความพยายามในการวางแผนเพื่อผลักดันการเปิดแหล่งท่องเที่ยว นับตั้งแต่การวางแผนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่อยู่ใน จ.ภูเก็ต การวางแผนระบบตรวจเชื้อและติดตามผลให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ การวางแผนระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับการรักษาพยาบาลในพื้นที่ และการวางแผนรองรับการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการให้กับพื้นที่อื่นของประเทศ
รวมทั้งในระหว่างทางเจอปัญหาอุปสรรคจากการติดเชื้อในระดับคลัสเตอร์หลายแห่ง จนนำมาสู่การจำกัดการทำกิจกรรมในบางช่วง เช่น การจำกัดจำนวนคน รวมถึงการเจอปัญหาที่คาดไม่ถึงจากการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวยุโรปจากเหตุฆาตกรรม ซึ่งนับถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 2 เดือนเศษแล้วที่โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ดำเนินการมา และถ้าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีจะทำให้โอกาสของช่วงไฮซีซั่นมีทิศทางที่ดีขึ้น และสร้างความหวังให้พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวอื่นของประเทศไทย
ดังนั้น โจทย์ของรัฐบาลคือ การเร่งรับมอบวัคซีนให้ได้ตามแผนที่เจรจาซื้อ ซึ่งทุกฝ่ายให้ความร่วมมือในการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะภาคเอกชนที่พร้อมสนับสนุนศูนย์ฉีดวัคซีน นอกจากนี้จะต้องจัดหาอุปกรณ์ตรวจเชื้อให้เพียงพอกับความต้องการเพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกมาทำการรักษาให้เร็วที่สุด ซึ่งรัฐบาลควรหาทางป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนการจัดหาวัคซีนในช่วงที่ผ่านมา การเปิดประเทศจึงมีความเป็นไปได้ขอเพียงรัฐบาลดำเนินการให้ได้ตามแผนที่วางไว้
