อีซีบีเพิ่มประมาณการศก.ยูโรโซน-คาดขยายตัว 5% ปีนี้

อีซีบีเพิ่มประมาณการศก.ยูโรโซน-คาดขยายตัว 5% ปีนี้

  • 0 ตอบ
  • 82 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Naprapats

  • *****
  • 3225
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการขยายตัว 5% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.6%

นอกจากนี้ อีซีบี ยังปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อสู่ระดับ 2.2% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.7% ในปี 2565 และ 1.4% ในปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของอีซีบี

นางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบี กล่าวว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงขึ้นอยู่กับความสำเร็จของโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในยุโรป รวมทั้งอัตราการติดเชื้อทั่วโลก

ขณะเดียวกันอีซีบี ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินป้องกันผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ Pandemic Emergency Purchase Programme (พีอีพีพี) ในการประชุมวันพฤหัสบดี(9ก.ย.)


"จากการประเมินสภาวะทางการเงินและแนวโน้มเงินเฟ้อ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบี มีความเห็นว่า อีซีบีสามารถรักษาสภาวะทางการเงินที่น่าพึงพอใจด้วยการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรในโครงการพีอีพีพี เมื่อเทียบกับในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา และอีซีบีพร้อมที่จะปรับเครื่องมือทุกอย่างตามความเหมาะสมเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะมีเสถียรภาพที่ระดับ 2%

ซึ่งเป็นเป้าหมายของอีซีบี ในระยะกลาง" แถลงการณ์ของอีซีบี ระบุ โดยไม่ได้ประกาศปรับลดวงเงินในโครงการดังกล่าวอย่างชัดเจน


ทั้งนี้ โครงการพีอีพีพีของอีซีบีเทียบเท่ากับโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ประธานอีซีบี ยืนยันว่า การส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการพีอีพีพี ไม่ได้หมายความว่าอีซีบีกำลังถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ดำเนินมานับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
"สิ่งที่เราได้ทำในวันนี้ เป็นการปรับระดับการซื้อพันธบัตรของเราเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการมีสภาวะทางการเงินที่น่าพึงพอใจ และเรายังไม่ได้หารือว่าเราจะทำอะไรต่อไป" นางลาการ์ดกล่าว
นางลาการ์ดยังระบุว่า อีซีบีเชื่อว่าแรงกดดันจากค่าจ้างยังคงไม่รุนแรง และภาวะคอขวดของอุปทานจะเริ่มบรรเทาลง
ทั้งนี้ โครงการพีอีพีพี มีวงเงินรวม 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่งในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาอีซีบีได้ซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวในวงเงินเดือนละ 8 หมื่นล้านยูโร

ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่าอีซีบีจะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการพีอีพีพี เหลือเพียง 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ก่อนที่จะลดวงเงินลงอีกในต้นปี 2565 และจะยุติโครงการในเดือนมี.ค.2565

ขณะเดียวกัน อีซีบี มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ โดยคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับอีซีบีที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%