นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าเจรจากับผู้ประกอบการกลุ่มลูกค้าเอกชนหลายรายที่มีความต้องการเปลี่ยนรถบัสที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเป็น
รถบัสไฟฟ้า ทั้งนี้คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะทยอยส่งมอบรถบัสไฟฟ้าได้รวมทั้งสิ้น 500 คัน ซึ่งปัจจุบันราคาขายรถบัสไฟฟ้าต่อคันเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ล้านกว่าบาท ซึ่งเตรียมที่จะส่งมอบในไตรมาส3ปีนี้ จำนวนกว่า100 คัน และจะทยอยส่งมอบอีก 400 คันภายในสิ้นปีนี้
ดังนั้น รายได้จากธุรกิจรถบัสไฟฟ้าจะเริ่มเข้ามาในไตรมาส 3 ปีนี้และคาดว่าจะสูงสุดในไตรมาส 4 ปีนี้ อีกทั้งเมื่อโรงงานผลิตรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์เสร็จเรียบร้อยจะมีกำลังก่ารผลิตรถโดยสารไฟฟ้า ปีละ 3,000 คัน
สำหรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในไทย รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนอย่างชัดเจน ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับผู้ประกอบการ ซึ่งตามแผนในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า จะสร้างการเติบโตได้หลายสิบเท่า อีกทั้งตลาดยังมีความต้องการสูง จากกลุ่มรถระบบน้ำมันที่เปลี่ยนมาเป็นระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะรถบัส ด้วยจำนวนรถบัสจดทะเบียนใหม่สูงถึง 10,000 คันต่อปีหรือแม้แต่ในช่วงโควิดปี 2563 ยังมีรถบัสจดทะเบียนใหม่ถึง7,000 คัน ซึ่งเราต้องการขยายไปในตลาดที่เป็นคอมเมอร์เชียวมากขึ้น เชิงพาณิชย์มากขึ้น
ขณะเดียวกันแนวโน้มครึ่งปีหลัง ยังมีปัจจัยหนุนรายได้ จาก จากโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ ซึ่งใช้ เทคโนโลยีของ Amita Technology โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตสำหรับระยะที่1 ได้ในไตรมาสที่3ปี64 โดยปัจจุบันได้นำเข้าเซลล์แบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของAmita Technologies Inc.ไต้หวัน เพื่อนำมาประกอบเป็นแพ็คและโมดูลในสายการผลิตภายในประเทศ เพื่อตอบสนองการใช้ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ของบริษัทฯ ได้แก่ รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า ในช่วงแรกระหว่างรอโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่เสร็จเรียบร้อย
นายวสุ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้โต 20-30% รายได้ส่วนเพิ่มมาจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก และมีการปรับแผงโซลาร์หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าดีขึ้น ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่งบลงทุนปีนี้ยังอยู่ที่ 6,100 ล้านบาท ส่วนใหญ่ขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงาน ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจแบตเตอร์รี่ และธุรกิจสถานีชาร์จ ตามลำดับ