จากกรณีหน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ยกระดับคำเเนะนำต่อพลเมืองสหรัฐในการเดินทางมายังประเทศไทย โดยยกระดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐยังได้ปรับคำเตือนสูงสุดขั้นที่ 4 สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 70 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ 4 เช่นเดียวกับไทย อาทิ บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เบื้องต้น ททท.มองว่าจากกรณีดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวไทยบ้าง แต่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดย ททท.ต้องพยายามทำความเข้าใจกับประเทศต่างๆ ว่าประเทศไทยไม่ได้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดทุกพื้นที่ แต่เป็นการเปิดเฉพาะจังหวัดหรือพื้นที่นำร่อง (
แซนด์บ็อกซ์) ที่มีความปลอดภัยสูงสุดเท่านั้น สะท้อนได้จากผู้ที่เดินทางเข้ามา ไม่มีชาวต่างชาติมาติดเชื้อในไทย และไม่มีคนไทยติดเชื้อจากชาวต่างชาติด้วย
ทั้งนี้การยกระดับคำเตือนดังกล่าว ไม่ได้ถือเป็นการห้ามเดินทาง แต่เป็นเพียงการแนะนำเท่านั้น ซึ่งสหรัฐไม่ได้เป็นประเทศแรกที่ยกระดับคำเตือนหรือคำแนะนำในการเดินทางมาประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยที่ผ่านมามีสหภาพยุโรปได้ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากลิสต์ประเทศที่ปลอดภัย (EU White List) จากการระบาดของโควิด-19 แต่ก็เห็นว่ายังมีพลเมืองในสหภาพยุโรปเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะคนกลุ่มนี้มั่นใจเรื่องภูมิคุ้มกันหลังได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ รวมถึงเมื่อชาวต่างชาติมาเที่ยวไทย ก็ไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวพื้นที่ที่มีการระบาดสูงได้
“ถือเป็นจุดที่ ททท.จะต้องประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศมากที่สุดและเร็วที่สุด ด้วยการแยกพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยออกมาจากภาพรวมทั้งประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจแก่ชาวต่างชาติว่าพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ มีความปลอดภัยจริงๆ” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว