“อช. อินทนนท์” ในวันที่ปิดการท่องเที่ยว ธรรมชาติฟื้นตัวเขียวขจี อากาศดีชวนคิดถึง

“อช. อินทนนท์” ในวันที่ปิดการท่องเที่ยว ธรรมชาติฟื้นตัวเขียวขจี อากาศดีชวนคิดถึง

  • 0 ตอบ
  • 65 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Prichas

  • *****
  • 2104
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




หากพูดถึงอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ชื่อของ “อช. ดอยอินทนนท์” จะต้องติดเข้ามาเป็นอันดับต้นๆ เป็นแน่ แม้ในวันนี้อุทยานฯ จะยังไม่เปิดการท่องเที่ยว แต่หลายคนต้องกำลังคิดถึงทะเลหมอกและความหนาวเย็น (จนบางครั้งอุณหภูมิติดลบ) อย่างแน่นอน

ทะเลหมอกอลังการที่ดอยอินทนนท์ (ภาพจากสำนักอุทยานแห่งชาติ)
ทะเลหมอกอลังการที่ดอยอินทนนท์ (ภาพจากสำนักอุทยานแห่งชาติ)

“ดอยอินทนนท์” ตั้งอยู่ใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ดอยแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาถนนธงชัย และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย เดิมเรียกขานกันว่า “ดอยหลวง” ที่หมายถึงขุนเขาที่มีขนาดใหญ่ (หลวง : ภาษาเหนือหมายถึงใหญ่) กับอีกชื่อหนึ่ง คือ “ดอยอ่างกา” เพราะมีเรื่องเล่าขานกันว่า ที่นี่มีแอ่งน้ำจืดที่ฝูงกาจำนวนมากชอบลงไปเล่นน้ำ จึงเป็นที่มาของ “ดอยอ่างกา”

ปัจจุบันดอยอินทนนท์ อยู่ภายใต้การดูแลของ “อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” ที่ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี 2515 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 6 ของประเทศไทย

สายหมอกลอยเอื่อย (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)
สายหมอกลอยเอื่อย (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)

ในขณะนี้อุทยานฯ อยู่ในช่วงปิดการท่องเที่ยวตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อยู่ ทำให้ธรรมชาติได้มีการพักฟื้นจนฟื้นตัวสวยงามมาก อีกทั้งในช่วงนี้มีฝนตกต่อเนื่องส่งผลให้อากาศเริ่มหนาวเย็นและมีหมอกมาก รวมถึงผืนป่ามีความเขียวขจี ชุ่มฉ่ำ จนหลายคนอดใจรอไปเที่ยวชมไม่ไหว

ครั้งนี้จะขอพามา “เที่ยวทิพย์” กันให้หายคิดถึง และเตรียมพร้อมรอวันอุทยานฯ เปิด ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กัน แน่นอนว่าหากมาเที่ยวที่นี่ ทุกคนต้องไม่พลาดมาเยือน “ยอดดอยอินทนนท์” ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาสูงสุดของประเทศไทย หรือจุด “สูงสุดแดนสยาม” ที่มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,565.3341 เมตร

เหมยขาบ (แฟ้มภาพจาก อช.อินทนนท์)
เหมยขาบ (แฟ้มภาพจาก อช.อินทนนท์)

ที่ยอดดอยมีสภาพเป็นป่าดงดิบเขาระดับสูงที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ และเนื่องจากมีความสูงมากทำให้มีความชุ่มชื้นและหนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งมีลักษณะเป็นสันเขาและยอดเขา จะมีกระแสลมที่พัดแรงและมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก

โดยในช่วงวันที่หนาวจัดในช่วงฤดูหนาวในเดือนธันวาคม - มกราคม อุณหภูมิจะลดต่ำลงถึง 0- 4 องศาเซลเซียส จนเกิดเป็นปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือ “แม่คะนิ้ง” ในภาษาอีสาน หรือ “เหมยขาบ” ในภาษาพื้นเมืองเหนือ ที่เกิดจากไอน้ำในอากาศที่ใกล้ๆ กับพื้นผิวดินลดอุณหภูมิลงจนถึงจุดน้ำค้าง จากนั้นก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ โดยอุณหภูมิยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงจุดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง น้ำค้างก็จะเกิดการแข็งตัวกลายเป็นน้ำค้างแข็ง เกาะอวดโฉมตามยอดไม้ใบหญ้า

เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่กิ่วแม่ปาน (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)
เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่กิ่วแม่ปาน (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตภายในอุทยานฯ ก็คือที่ “กิ่วแม่ปาน” ซึ่งเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น มีเส้นทางเดินเป็นวงรอบระยะทาง 3.2 กิโลเมตร ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,400 เมตร เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง

ลักษณะเส้นทางกิ่วแม่ปานเป็นวงรอบทางเดินลาดชันขึ้นไป และสุดท้ายจะวกกลับมาบรรจบกับทางเดินที่เดินเข้ามาครั้งแรก ตามเส้นทางเดินจะมีแผ่นป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับผืนป่ากิ่วแม่ปานทั้งหมด 21 จุด และมีที่ให้นั่งพักตลอดเส้นทาง หากใครที่รู้สึกเหนื่อยล้าหรือเดินไม่ไหว สามารถแวะนั่งพักและจิบน้ำคลายเหนื่อยได้

น้ำตกธารเสด็จ (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)
น้ำตกธารเสด็จ (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)

ระหว่างทางเราจะได้สัมผัสธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิดให้ชมอย่างเพลิดเพลิน โดยมี “น้ำตกลานเสด็จ” น้ำตกเล็กๆ ที่ไหลผ่านจากกิ่วแม่ปานไปสู่แม่น้ำแม่ปิง เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและยังที่เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ โดยบริเวณรอบๆ ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าดิบเขาที่มีบรรยากาศร่มครึ้ม มีมอสสีเขียวขึ้นคลุมตามโคนต้นไม้และบริเวณริมห้วยรอบน้ำตก

จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน (แฟ้มภาพ)
จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน (แฟ้มภาพ)

ส่วนไฮไลต์ของกิ่วแม่ปานก็คือ “จุดชมทิวทัศน์” ที่มองเห็นวิวโดยรอบได้อย่างเต็มตา ความสวยงามและอากาศแสนสดชื่น ชวนให้ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางหายเป็นปลิดทิ้ง และบริเวณตรงจุดชมวิวนี้เองในช่วงฤดูหนาวจะมี “ต้นกุหลาบพันปี” สีแดงสด ออกดอกเบ่งบานให้ได้ชื่นชมกันด้วย และถ้าหากโชคดี อาจได้เห็นกวางผา (เป็นสัตว์สงวนหายากที่ใกล้สูญพันธุ์) ตามริมหน้าผาแห่งนี้ด้วย

ต้นกุหลาบพันปี (แฟ้มภาพจากสำนักอุทยานแห่งชาติ)
ต้นกุหลาบพันปี (แฟ้มภาพจากสำนักอุทยานแห่งชาติ)

น้ำตกแม่ยะ (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)
น้ำตกแม่ยะ (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)

และที่ อข. ดอยอินทนนท์ แห่งนี้ ยังขึ้นชื่อเรื่อง “น้ำตก” สวยและหลายแห่งอีกด้วย อย่าง “น้ำตกแม่ยะ” ที่เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เกิดจากลำห้วยแม่ยะไหลลงมาตามหน้าผาสูงราว 280 เมตร กว้างหลายสิบเมตร มองเห็นเป็นชั้นๆ (มีคนบอกว่ามีถึง 30 ชั้น) ดูประหนึ่งม่านน้ำตกอันสวยงามยิ่งใหญ่อลังการ จนติดอันดับต้นๆ ของน้ำตกสวยของประเทศไทย

น้ำตกผาดอกเสี้ยวชั้น 7 หรือชั้น “น้ำตกรักจัง”
น้ำตกผาดอกเสี้ยวชั้น 7 หรือชั้น “น้ำตกรักจัง”

ต่อที่ “น้ำตกผาดอกเสี้ยว” หรือที่มีอีกหนึ่งชื่อเรียกขานว่า “น้ำตกรักจัง” เนื่องจากน้ำตกแห่งนี้ (ชั้น 7) เคยถูกใช้เป็นฉากของภาพยนตร์ไทยเรื่อง “รักจัง” โดยน้ำตกแห่งนี้มีทั้งหมด 10 ชั้น ซึ่งชั้นที่ชมได้สะดวกคือ ชั้นที่ 6-10 การเดินทางจะต้องเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 1 กิโลเมตร

น้ำตกวชิรธาร (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)
น้ำตกวชิรธาร (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)

และมี “น้ำตกวชิรธาร” เดิมชื่อ "ตาดฆ้องโยง" เป็นน้ำตกขนาดใหญ่เกิดจากลำห้วยแม่กลาง สูงประมาณ 70-80 เมตร ตัวน้ำตกอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 750 เมตร สายน้ำไหลตกจากหน้าผาลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ในยามแสงอาทิตย์ส่อง กระทบละอองน้ำจะปรากฏสายรุ้งงดงามเหนือธารน้ำ

เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (ภาพจาก อช. ดอยอินทนนท์)

นอกจากนั้นภายใน อช.อินทนนท์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พระมหาธาตุนภเมทนีดล-พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ, เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา, ถ้ำบริจินดา, ดอยผาตั้ง และน้ำตกต่าง ๆ อีกหลายแห่ง อาทิ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกสิริธาร น้ำตกแม่ปาน ฯลฯ

ธรรมชาติแสนสวยงาม (ภาพจากสำนักอุทยานแห่งชาติ)
ธรรมชาติแสนสวยงาม (ภาพจากสำนักอุทยานแห่งชาติ)

หากใครสนใจไปเที่ยวชมความสวยงามและหนาวเย็นของที่นี่ สามารถติดตามกำหนดเปิดการท่องเที่ยวได้ทางเฟซบุ๊กอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ - Doi Inthanon National Park หรือโทร. 0-5328-6729