ดร.อัครเดช สุภัคกุล ประธานสถาบันผู้นำไทยจีนในโลกยุคใหม่ เผยว่า ได้จัดสัมมนาวิชาการวันชาติจีน:
อนาคตเศรษฐกิจไทยจีนในโลกยุคใหม่ ในโอกาสวันชาติจีน 1 ตุลาคม 2564 โดยสืบเนื่องมาจากภูมิรัฐศาสตร์โลกในห้วงเวลา 40 กว่าปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงจากโลกตะวันตก โดยสหรัฐอเมริกาเป็นชาติชั้นนำ ในการเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ปัจจุบันกลายเป็นตะวันออก โดยการนำของจีนที่มีมูลค่าการส่งออกสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก ทั้งนี้ส่งผลทำให้สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้ากับจีนมายาวนานอย่างต่อเนื่อง ประธานาธิบดีบารักโอบามา ของสหรัฐอเมริกา พยายามประกาศนโยบาย Change มา 2 สมัย แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายิ่งตกต่ำไปกว่าเดิม
ขณะที่จีนได้ดำเนินการตามข้อริเริ่ม 1 แถบ 1 เส้นทาง Belt and Road Initiative อีไต้อีลู่ เส้นทางสายไหมทั้งทางบก และทางทะเลเชื่อมเศรษฐกิจกับ 60 กว่าประเทศทั่วโลก ทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนสูงต่อเนื่องนับ 10 ปี
ต่อมาประธานาธิบดีโดนัล ทรัปม์ ได้รณรงค์หาเสียงด้วยนโยบาย Makes America Great Again และเมื่อได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ได้ประกาศสงครามเศรษฐกิจกับจีนด้วยกำแพงภาษีที่สูงลิ่ว
ดร.อัครเดช กล่าวว่า ครั้นมาถึงสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน สหรัฐอเมริกาจึงใช้นโยบายร่วมกับกลุ่มประเทศ G-7 นาโต้ และพันธมิตรในอาเซียนปิดล้อมทางเศรษฐกิจจีน
โลกในยุคปัจจุบันจึงเป็นช่วงของสงครามเย็นยุคใหม่ ดังจะสังเกตเห็นได้จากการที่สหรัฐอเมริกาพยายามทุกวิถีทาง ด้อยค่าวัคซีนที่มาจากจีนเป็นต้น
วันนี้สถาบันผู้นำไทยจีนในโลกยุคใหม่ จึงได้ถือโอกาสวันชาติจีน จัดสัมมนาวิชาการว่าด้วยเรื่อง อนาคตเศรษฐกิจไทยจีนในโลกยุคใหม่ เพื่อให้นักธุรกิจได้รับความรู้ข้อมูลข่าวสารภูมิรัฐศาสตร์โลกที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญอยู่ในขณะนี้
รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันปัญญาภิวัตน์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา และอดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาภายหลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 พูดถึงเงินดอลลาร์ที่อิงมาตราฐานทองคำ การซื้อขายน้ำมันผ่านเปโตรดอลลาร์ เหตุการณ์พลาซ่าแอคคอร์ด ที่สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่น บังคับให้ญี่ปุ่นแข็งค่าเงินเยน จนญี่ปุ่นต้องย้ายฐานการผลิตมาไทย และอาเซียน จนทำให้ไทยเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง
อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ไมตรีกับจีนอย่างเป็นทางการ สมัยนายกรัฐมนตรีคึกฤทธิ์ ปราโมช และตลอด 46ปี ท่านได้เดินทางไปเยือนจีนในมณฑลต่างๆถึง 155 ครั้ง ได้สัมผัสมือ กับผู้นำจีนตั้งแต่รุ่นแรกคือ ท่านประธานเหมา โจเอินไหล เติ้งเสี่ยวผิง จนถึงประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในปัจจุบัน สิ่งที่ท่านได้เห็นตลอดระยะเวลา 46 ปี ในการไปเยือนจีนว่า จีนได้ทำให้ประชาชน 1,400 ล้านคน พ้นจากความยากจน