APURE คาดยอดขาย H2/64 โต 20-30% ตามออร์เดอร์ต่างประเทศ

APURE คาดยอดขาย H2/64 โต 20-30% ตามออร์เดอร์ต่างประเทศ

  • 0 ตอบ
  • 78 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Shopd2

  • *****
  • 2300
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




นายสุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บมจ.อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง 64 มีแนวโน้มเติบโต 20-30% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เป็นไปตามปริมาณคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพอากาศในต่างประเทศยังเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบให้ผลผลิตข้าวโพดมีราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้องมีการนำเข้าข้าวโพดหวานเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมียอดออเดอร์ที่เตรียมส่งมอบแล้ว 1,400-1,500 ตู้คอนเทนเนอร์

ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปในครึ่งปีหลัง ทั้งในตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงในตลาดเอเชีย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดังกล่าวที่เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น

"บริษัทได้มีการทำสัญญากับเกษตรกร (Contract Farming) สัดส่วนมากกว่า 90% ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มปริมาณข้าวโพดเข้าไลน์การผลิตได้มากถึง 300,000 ตันต่อปี จากเดิม 150,000-180,000 ตันต่อปี ดังนั้น จะเห็นได้ว่าบริษัทยังมีขีดความสามารถในการขยายการรับออเดอร์ใหม่ๆได้อย่างต่อเนื่อง จากดีมานด์การสั่งซื้อ โดยเฉพาะในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดใหญ่ เนื่องจากระดับราคาของบริษัทฯสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของไทยที่ส่งออกไปต่างประเทศยังได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ เนื่องจากคุณภาพและรสชาติสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในต่างประเทศเป็นอย่างดี จนประสบความสำเร็จในการเข้าไปขายในตลาดวอลมาร์ท (Walmart)" นายสุเรศพล กล่าว

สำหรับตลาดในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหม่ อย่างห้างสรรพสินค้า โดยล่าสุดได้มีการส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์เพื่อทดลองให้กลุ่มลูกค้าดังกล่าว คาดว่าดีลดังกล่าวจะสรุปได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายช่องทางการตลาดและการจัดจำหน่ายสู่ยุโรปได้เพิ่มขึ้น

ส่วนตลาดในเอเชีย อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีนนั้น แม้ค่าระวางเรือจะปรับตัวสูงขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับการขนส่งไปยังฝั่งทวีปอเมริกาใต้ สหภาพยุโรป สหรัฐ และ อินเดีย ดังนั้นจึงทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมียอดขายเติบโตตามเป้าที่วางไว้

"บริษัทยังต้องติดตามค่าระวางเรืออย่างใกล้ชิด เนื่องจากต้องยอมรับว่าผลกระทบจากค่าระวางเรือเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้ลูกค้าบางรายมีต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น ดังนั้นโดยส่วนตัวมองว่าหากสถานการณ์การขาดแคลนด์ตู้คอนเทนเนอร์และค่าขนส่งกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้เมื่อไหร่ บริษัทฯมีโอกาสขยายตัวได้อย่างมาก เพราะลูกค้าในปัจจุบันนิยมบริโภคผลิตภัณฑ์ข้าวโพดที่มาจากประเทศไทย เพราะมั่นใจคุณภาพและรสชาติ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดส่งผลให้แบรนด์สินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จักและที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศอย่างมาก"นายสุเรศพล กล่าว

ด้านความคืบหน้าการเพิ่มกำลังการผลิตนั้น ล่าสุด บริษัทนำเข้าเครื่องจักรมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 60 วัน จะเตรียมเดินเครื่องจักรได้ในช่วงปลายปี 64 ก่อนที่จะใช้กำลังการผลิตได้เต็มกำลัง 2,000-2,500 ตู้คอนเทนเนอร์กลางปี 65 ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมเป็น 11,500 ตู้คอนเทนเนอร์ เพิ่มขึ้น 25 % จากเดิมที่ 9,000 ตู้คอนเทนเนอร์

ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าไปในช่วงครึ่งปีแรกส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 80-90 ล้านบาท แต่ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะไม่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือหากมีก็ไม่สูงมาก โดยบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงด้านค่าเงินไว้ในปีนี้ 50% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว