วันศุกร์ที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์กระทรวงการเงิน สปป.ลาว ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ อักคะวอน หลวงสุวันนะวง ผู้อำนวยการ บริษัทรัฐวิสาหกิจหวยพัฒนา ซึ่งได้เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ว่า มียอดขาย
หวยลาวทุกประเภทรวม 1,615 ล้านล้านกีบ หรือประมาณ 4,750 ล้านบาท (ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน 1 บาท = 340 กีบ) มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 23.76%
จากยอดขายหวยรวมข้างต้น เป็นรายรับของบริษัท 48,937 ล้านกีบ หรือ 144 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 19.8% และสูงกว่าระยะเดียวกันของปีที่แล้ว 31.53% ได้จัดสรรเงินเข้าไปในงบประมาณของรัฐ 28,500 ล้านกีบ หรือ 83.82 ล้านบาท มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15.33% และมากกว่าระยะเดียวกันของปีก่อน 19.82%
เงินรายได้ส่วนที่เหลือได้แบ่งนำไปสนับสนุนการจัดประชุมใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวครั้งที่ 11 เมื่อเดือนมกราคม นอกจากนี้ได้นำไปใช้ทำประโยชน์แก่สังคม อาทิ ซื้อเครื่องนุ่งห่มต้านภัยหนาวมอบแก่คณะบริหารงานกลุ่มเยาวชนเมืองเวียงไซ แขวงหัวพัน , สนับสนุนมูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนานักเรียนพิการ, ตั้งเป็นกองทุนส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กออทิสติก รวมถึงสนับสนุนอุปกรณ์ต่อต้านโควิด-19 คิดเป็นเงินรวมกว่า 400 ล้านกีบ
ปัจจุบัน บริษัทรัฐวิสาหกิจหวยพัฒนาจำหน่ายหวยทุกประเภทที่รัฐบาลอนุญาต ได้แก่ หวยเลข 6 ตัว เลข 5 ตัว เลข 4 ตัว เลข 3 ตัว เลข 2 ตัว และเลข 1 ตัวท้าย , หวยตำราฝัน 3/40 และหวยขูด มีตัวแทนจำหน่ายหวยพัฒนาทั่วประเทศ 52 ตัวแทน มีสมาชิกผู้ขายหวยประมาณ 2 หมื่นคน มีเครื่องขายหวยออนไลน์ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 37,483 เครื่อง โดยมีการออกรางวัลสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ยอดขายหวยถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญในงบประมาณของประเทศลาว หลายปีที่ผ่านมา บริษัทรัฐวิสาหกิจหวยพัฒนาจึงได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นการจำหน่ายหวยนอกระบบ ได้แก่หวยเถื่อนและหวยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสลากกินแบ่งรัฐบาลจากประเทศไทย ที่มีการลักลอบนำเข้าไปขายอยู่ในลาวแต่ละงวดหลายพันฉบับ
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว(2563) บริษัทรัฐวิสาหกิจหวยพัฒนาได้ปรับความถี่ในการออกหวย จากเดิมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง มาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เหมือนกับที่เคยทำไว้เมื่อปี 2560 โดยให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันไม่ให้คนลาวนำเงินไปซื้อหวยนอกระบบ และนำเงินมาซื้อหวยพัฒนาแทน เพื่อที่รัฐบาลลาวจะมีรายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ก่อนหน้านั้น เมื่อปี 2558 หวยพัฒนาลาวเคยออกรางวัลสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ในวันอังคารและวันศุกร์ และเพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 3 ครั้งในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ในปี 2559 แต่ในปี 2560 ได้เปลี่ยนกลับไปออกรางวัลสัปดาห์ละ 2 ครั้งในวันจันทร์และพฤหัสบดี จนถึงปลายปีได้ลดความถี่ กลับมาออกรางวัลสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุกวันพุธ ตั้งแต่ต้นปี 2561
อักคะวอน หลวงสุวันนะวง ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อครั้งนั้นว่า หลังจากได้ลดการออกรางวัลเหลือเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทำให้เกิดช่องว่างในความต้องการเสี่ยงโชคของประชาชน ทำให้คนลาวนำเงินไปซื้อหวยเถื่อนที่ยึดกำหนดการออกรางวัลสลากกินแบ่งของประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงเทคโนโลยี่ที่พัฒนาขึ้นทำให้การซื้อหวยเถื่อนทำได้ง่ายผ่านทางออนไลน์
เขาได้ยกตัวอย่างว่า ขณะนั้นรอบบ้านลาวมีการออกรางวัลหวยกันแทบทุกวัน ได้แก่
-
หวยเมียนมา ออกรางวัลเดือนละครั้ง ทุกวันที่ 1 ของทุกเดือน
-
หวยไทย ออกรางวัลเดือนละ 2 ครั้ง ทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
-
หวยเวียดนาม มีการออกรางวัลทุกวัน
-
หวยมาเลเซีย ออกรางวัล วันละ 25 ครั้ง ทุก ๆ 30 นาที
การปรับความถี่มาออกรางวัลสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จึงเพื่อต้องการอุดช่องว่างของความต้องการเสี่ยงโชคของคนลาวตรงจุดนี้
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา บริษัทรัฐวิสาหกิจหวยพัฒนายังได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงป้องกันความสงบ ลงพื้นที่ปราบปรามการเล่นหวยเถื่อนและการซื้อหวยนอกระบบของประชาชน ที่ได้แพร่หลายอย่างกว้างขวางในทุกแขวงทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันเศรษฐกิจ กระทรวงป้องกันความสงบ ได้ทำลายอุปกรณ์การเล่นการ.และใบหวยเถื่อน ซึ่งเป็นของกลางที่ถูกตรวจยึดได้ตั้งแต่เมื่อปี 2563 ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการดำเนินคดีแล้วได้นำมาทำลายทิ้ง โดยในจำนวนของกลางทั้งหมด มีสลากกินแบ่งรัฐบาลไทยรวมอยู่ด้วย 5,000 ฉบับ ซึ่งหากคิดตามราคาขายฉบับละ 80 บาทแล้ว มีมูลค่าอย่างน้อย 4 แสนบาท
นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารท้องถิ่นในหลายแขวงของลาวได้เริ่มออกมาตรการห้ามจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไทย เพราะถือเป็นหวยนอกระบบ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 8 กันยายน ห้องว่าการเมืองหงสา ได้ออกหนังสือแจ้งการเรื่องห้ามการนำเอาหวยประเภทต่างๆเข้ามาขายในตัวเมืองหงสา
ในหนังสือระบุว่า ที่ผ่านมาได้ตรวจพบบุคคลนำหวยประเภทต่าง ๆ ได้แก่ หวยไทย หวยเวียดนาม ซึ่งเป็นหวยที่ผิดกฏหมาย เข้าไปขายอยู่ในเมืองหงสา จึงขอแจ้งให้ยุติการจำหน่าย หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย
เมืองหงสา อยู่ในแขวงไซยะบูลี ห่างจากชายแดนไทยที่ด่านห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ประมาณ 35 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหิน ของบริษัทหงสาพาเวอร์ (HPC) ที่ถือหุ้นใหญ่โดยนักลงทุนจากประเทศไทย ในเมืองหงสาจึงมีคนไทยทำงานให้กับ HPC ทั้งที่เป็นพนักงานประจำ และทำงานกับบริษัทผู้รับเหมาอยู่นับพันคน
