นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภายหลังตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดรับฟังความเห็นหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการระดมทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และตลาดรองสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME Board) รวมถึงการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการเข้าจดทะเบียนใน SME Board เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตลท.จะเสนอให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ รับทราบต่อไป
สำหรับตลาดรองที่จะเปิดให้ SME ระดมทุนจะใช้ชื่อว่า “LiVE
Lottovip Exchange” โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ก.ย.นี้เพื่อให้ธุรกิจและนักลงทุนที่สนใจได้สอบถามรายละเอียดการระดมทุน ขณะที่ปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจที่มีความพร้อมจะเข้ามาระมทุนแล้วประมาณ 30 บริษัท ซึ่งเป็นกลุ่ม SME ที่เข้าร่วมหลักสูตรกับ“Scaling Up Platform” ซึ่งเป็นความร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตรที่ต้องการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุน
โดยตลท.ตั้งเป้าหมายให้ธุรกิจ SME เข้ามาระดมทุนได้จริงบนกระดานดังกล่าวอย่างเร็วภายในปี 2564 และอย่างช้าในต้นปี 2565 ซึ่งธุรกิจที่เข้าระดมทุนก่อนสิ้นปี 2566 จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ ไปอีก 3 ปีภายหลังเข้าระดมทุน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ออกมามีผลบังคับใช้ก่อน จึงจะเปิดให้ธุรกิจเข้ามายื่นแบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง)
อย่างไรก็ดี ระยะเวลาในการพิจารณาแบบไฟลิ่งจะสั้นกว่าธุรกิจที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai เนื่องจากเอกสารมีความซับซ้อนน้อยกว่า แต่จะเปิดให้นักลงทุนที่สนใจสอบถามรายละเอียดกับบริษัทอีกราว 1 เดือนก่อนเข้าระดมทุน ทั้งนี้ นักลงทุนใน SME Board จะต้องเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีขนาดสินทรัพย์ที่สูง โดยไม่เปิดให้นักลงทุนรายย่อยทั่วไปเข้ามาลงทุน
ขณะที่การซื้อขายเปลี่ยนมือจะไม่เปิดให้ซื้อขายต่อเนื่อง (Continuous Trading) แบบ SET และ mai โดยเบื้องต้นจะเปิดให้ซื้อขายวันละ 1 รอบเท่านั้น ส่วนนักลงทุนที่ขายหุ้นต้องมีหุ้นจริงอยู่ในมือแล้วเท่านั้น เช่นเดียวกับนักลงทุนที่จะซื้อหุ้นต้องใช้เงินสดในการซื้อเท่านั้น