พาณิชย์-เกษตร จัดประมูล"สุดยอดกาแฟไทยปี 64" ปลุกกระแสตลาดกาแฟไทย

พาณิชย์-เกษตร จัดประมูล"สุดยอดกาแฟไทยปี 64" ปลุกกระแสตลาดกาแฟไทย

  • 0 ตอบ
  • 71 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Cindy700

  • *****
  • 3330
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการประมูลสุดยอดกาแฟ รางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า กาแฟเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย มีมูลค่าการค้ากว่า 33,000 ล้านบาท เมื่อพูดถึงทิศทางของตลาดกาแฟไทยในปัจจุบันพบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยมีความต้องการใช้เมล็ดกาแฟเฉลี่ยที่ 88,862 ตันต่อปี แต่สามารถผลิตเมล็ดกาแฟดิบได้เฉลี่ยเพียง 24,671 ตันต่อปี หรือประมาณ 28% ของความต้องการใช้เมล็ดกาแฟเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมกาแฟไทยยังมีโอกาสเติบโตต่อไป หากเกษตรกรไทยสามารถเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศหลายกลุ่มที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ และพร้อมจะทดลองรสชาติใหม่ๆ

 นอกจากนี้ ด้านตลาดต่างประเทศนั้น กาแฟไทย ถือว่าเป็นกาแฟที่มีคุณภาพดี ไม่เป็นรอง ปัจจุบัน เรามีตลาดส่งออกเมล็ดกาแฟดิบที่สำคัญ คือ แคนาดา ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา และมีตลาดส่งออกกาแฟคั่วที่สำคัญ คือ กัมพูชา มาเลเซีย และฮ่องกง โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันการส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่องในทุกสินค้าที่มีศักยภาพ แม้สถานการณ์โควิด-19 จะทำให้การบริโภคกาแฟในภาพรวมลดลง แต่เมื่อมองแนวโน้มและพิจารณาตลาดกาแฟในระยะยาวแล้ว ผมเชื่อว่าสินค้ากาแฟยังคงมีโอกาสทางการตลาดสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ



"ปีนี้ก็อีกเป็นปีหนึ่งที่มีการจัดงานนี้ขึ้นซึ่งผมขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับเกษตรกรทุกท่านที่ชนะการประกวดและได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณสูงสุด และเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งและขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับการคัดเลือกให้นำเมล็ดกาแฟเข้าร่วมประมูล ซึ่งต้องบอกว่าเมล็ดกาแฟไทยทุกรายการที่นำมาประมูลมีคุณภาพสูง มีเอกลักษณ์ทั้งด้านกลิ่นและรสชาติ พิเศษกว่าเมล็ดกาแฟระดับพรีเมียมทั่วไป เพราะเป็น Specialty Coffee ที่ได้รับคะแนน Cupping จากผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟทั้งของไทยและระดับโลก 80 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน”นายจุรินทร์ กล่าว

นายกีรติ รัชโน ระบุด้วยว่า งานในวันนี้ ได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร สมาคม โรงคั่วกาแฟ ร้านกาแฟ กลุ่มนักบริโภคกาแฟยุคใหม่ รวมทั้งสิ้นกว่า 1,500 ราย โดยราคาเปิดประมูลเมล็ดกาแฟโรบัสตา จำนวน 10 รายการ เริ่มต้นที่ กิโลกรัม(กก.)ละ 150 บาท เคาะราคาประมูลสูงสุดที่ 20,000 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับเมล็ดกาแฟอะราบิกา จำนวน 30 รายการ ราคาประมูลเริ่มต้นที่ กิโลกรัมละ 200 บาท เคาะราคาสูงสุดที่ 6,400 บาทต่อกิโลกรัม ในภาพรวมสามารถสร้างมูลค่าได้สูงกว่าราคาตลาดปกติโดยเฉลี่ยถึง 60 เท่า ซึ่งรายได้ที่ได้จากการประมูลทั้งหมด จะจ่ายตรงให้กับเกษตรกรโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเมล็ดกาแฟที่ประมูลราคาสูงสุดพันธุ์อะราบิกาเป็นของนายฉิ่ง แซ่ท้าว เกษตรกรจังหวัดน่าน 6,400 บาทต่อกก. และเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสตา ของนายธนาสิทธิ์ สอนสุภา เกษตรกร จ.ชุมพร เคาะราคาประมูลที่ 20,000บาทต่อกก.