SONICเปิดอีก 33 ไร่รับฝากตู้ลูกค้าอีอีซีขยายตัวจากแหลมฉบังเฟส 3

SONICเปิดอีก 33 ไร่รับฝากตู้ลูกค้าอีอีซีขยายตัวจากแหลมฉบังเฟส 3

  • 0 ตอบ
  • 70 อ่าน

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

deam205

  • *****
  • 2773
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




ดร.สันติสุข โฆษิอาภานันท์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน)หรือ SONIC ผู้นำธุรกิจให้บริการการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะขยายพื้นที่ให้บริการรับฝากตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นอีก 33 ไร่ เพื่อรองรับการขยายตัวของลูกค้าในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี  และ โครงการแหลมฉบังเฟส3โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565  ซึ่งหลังเปิดให้บริการบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้ทันที  และประมาณการว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 5- 6 ปี

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทขยายพื้นที่การให้บริการโลจิสติกส์ โดยการลงทุนซื้อที่ดินขนาด 33 ไร่  ในเขตอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีมูลค่ารวมไม่เกิน 117 ล้านบาท ค่าพัฒนาที่ดิน 77.4 ล้านบาท รวมงบประมาณทั้งสิ้น 194.4 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ให้บริการรับฝากตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 12 ไร่  คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีลูกค้ามาใช้บริการเต็มพื้นที่ เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์มีการอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อีอีซี   นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมที่จะประมูลงานกับสายการเดินเรือยักษ์ใหญ่ 2-3 ราย เพื่อให้มาใช้บริการเช่าพื้นที่ฝากวางตู้คอนเทนเนอร์ 


“จุดแข็งของการให้บริการเช่าพื้นที่วางตู้คอนเทนเนอร์ของ SONIC คือเราอยู่ในพื้นที่เขตอีอีซี  แหลมฉบัง ซึ่งธุรกิจโลจิสติกส์ในพื้นที่ดังกล่าวจะมีการขยายตัวเติบโตสูง   และยังเป็นการต่อยอดให้กับธุรกิจโลจิสติกส์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทให้สามารถบริการลูกค้าได้ครบวงจรมากขึ้น ”ดร.สันติสุข กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ SONIC  ในช่วงครึ่งปีหลังยังเติบโตต่อเนื่องแม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ที่รุนแรงขึ้น แต่การให้บริการด้านขนส่งของบริษัทไม่ได้มีปัญหา  เนื่องจากบริษัทได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการให้บริการขนส่งสินค้าของลูกค้า ตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด 19 ในระลอกแรก จนถึงปัจจุบัน


 เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าของลูกค้า  จึงทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าเดิมและจากกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่มีเพิ่มมากขึ้น  โดยกลุ่มลูกค้าหลัก ยังมาจากการให้บริการขนส่งทางทะเล ที่มีสัดส่วนรายได้ถึง  78 %  การบริการขนส่งทางบก  17 % การบริการทางอากาศ 4.5 % และสัดส่วนรายได้อื่น ๆ อีก 0.5%