'ธุรกิจคลาวด์อาเซียน'สนามรบบริษัทเทคฯจีน-สหรัฐ

'ธุรกิจคลาวด์อาเซียน'สนามรบบริษัทเทคฯจีน-สหรัฐ

  • 0 ตอบ
  • 75 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Jessicas

  • *****
  • 2373
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




ท่ามกลางกรณีพิพาทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐและจีน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของอาเซียนทำให้กลายเป็นสนามรบหลักสำหรับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมดิจิทัลของทั้งสองประเทศมหาอำนาจโลก

สำหรับตลาดอาเซียน อเมซอน ดอท คอม ไมโครซอฟต์ กูเกิล อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง และบรรดาผู้เล่นรายอื่นๆทุ่มลงทุนอย่างหนักในคลาวด์ คอมพิวติง ซึ่งเป็นบริการที่ครอบคลุมถึงการให้ใช้กำลังประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆจากผู้ให้บริการซึ่งมีทั้งบริษัททุกขนาดและหน่วยงานรัฐ เพื่อลดความยุ่งยากในการติดตั้ง ดูแลระบบ ช่วยประหยัดเวลา และลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย

อาคารสูง 11 ชั้นบนพื้นที่ 170,000 ตารางเมตรในตุนจุง คลิง ห่างจากใจกลางเมืองของสิงคโปร์เพียงช่วงเวลาขับรถ20นาที มองเผินๆเหมือนเป็นศูนย์กลางโลจิสติกขนาดใหญ่ หรือคลังสินค้าแต่ทีมงานรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด รวมทั้งกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งรอบบริเวณตึกบ่งชี้ว่านี่ไม่ใช่แค่ที่เก็บสินค้าธรรมดา อีกทั้งเมื่อผู้สื่อข่าวคนหนึ่งหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะถ่ายภาพอาคารแห่งนี้ไว้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาห้ามและเตือนว่า“นี่เป็นที่ส่วนบุคคลไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป”

ทันทีที่เสร็จสมบูรณ์ ที่“ส่วนบุคคล”แห่งนี้จะเต็มไปไปด้วยเซอร์เวอร์เรียงรายเป็นแถวๆที่รองรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายร้อยล้านราย และถือเป็นศูนย์ข้อมูลสำหรับลูกค้าแห่งแรกของเฟซบุ๊คในเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทประกาศว่าจะลงทุน 1,400 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์(1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)ในโครงการนี้

นี่เป็นหนึ่งในศูนย์ข้อมูลอีกหลายแห่งที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีโลกกำลังสร้างขึ้นในสิงคโปร์ เนื่องจากประเทศนี้มีระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพและมีแรงงานที่มีทักษะความชำนาญด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก ประกอบกับภูมิภาคนี้มีการต่อเชื่อมกับเคเบิ้ลสื่อสารใต้ทะเลที่เชื่อมโยงกับส่วนที่เหลือของโลก


สิงคโปร์จึงกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักสำหรับผู้เล่นรายใหญ่ๆในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องการเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจให้บริการคลาวด์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ข้อมูลของคุชแมน และเวคฟิลด์ บริษัทให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่าตอนนี้ศูนย์ข้อมูลของสิงคโปร์มีศักยภาพ 410 เมกะวัตส์และจะมีความสามารถเพิ่มอีก 170 เมกะวัตส์ในอนาคตอันใกล้ ทำให้สิงคโปร์เป็น“ฮับ”ข้อมูลระดับโลก ที่เทียบเคียงได้กับนครแฟรงเฟิร์ต ในประเทศเยอรมนี และนครชิคาโก ของสหรัฐ

แต่ความโดดเด่นของสิงคโปร์ไม่ได้เป็นที่ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันเท่านั้น แต่เป็นที่หมายปองในฐานะเป็นฐานที่มั่นทางยุทธศาสตร์สำหรับบริษัทเทคโนโลยีจีนด้วย ทั้งอาลีบาบา และเทนเซนต์ที่ต่างก็แข่งกันแย่งลูกค้ากลุ่มเดียวกัน

ขณะที่อเมซอนเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์ โดยคานัลลิสต์ บริษัทวิจัยระบุว่า อเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (เอดับเบิลยูเอส)คุมส่วนแบ่งตลาดกว่า 30% ในธุรกิจคลาวด์ทั่วโลกในช่วงไตรมาส2ของปี 2564 และปัจจุบัน อเมซอนกำลังเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565

ศูนย์ข้อมูลในกรุงจาการ์ตาจะเป็นศูนย์ข้อมูลแห่งที่สองของเอดับเบิลยูเอสในตลาดอาเซียน ส่วนในสิงคโปร์ เอดับเบิลยูเอสเข้าไปตั้งศูนย์ข้อมูลตั้งแต่ปี 2553

”เอดับเบิลยูเอสมองเห็นศักยภาพการเติบโตอย่างมากและรวดเร็วในอาเซียน และในภาพรวม เรามองเห็นว่าทุกเซคเมนท์ ที่รวมถึง สตาร์อัพ กิจการต่างๆและธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง(เอสเอ็มอี)เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจคลาวด์"โคเนอร์ แมคนามารา กรรมการผู้อำนวยการเอดับเบิลยูเอส ประจำภูมิภาคอาเซียน กล่าว

ส่วนไมโครซอฟต์ ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่สุดอันดับสอง ประกาศเมื่อต้นปีนี้ว่า ได้ตั้งศูนย์ข้อมูลในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งต่างก็เป็นตลาดคลาวด์ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

“ถ้าพิจารณาตลาดอาเซียนที่มีประชากร 650 ล้านคนถือว่ามีขนาดใหญ่กว่ายุโรปประมาณ 50% โดยยุโรปมีประชากร 446 ล้านคน ”อาห์เหม็ด มาซาริ ประธานไมโครซอฟต์ เอเชีย กล่าวและว่า การเข้าถึงมือถือและการเข้าถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่ครั้งแรกของประชากรไม่เหมือนพื้นที่ใดๆในโลก และยังมีโอกาสที่ธุรกิจคลาวด์จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อาลีบาบา อันดับ4ในตลาดให้บริการคลาวด์โลก ตามหลังอเมซอน ไมโครซอฟต์และกูเกิล ในเดือนมิ.ย.บริษัทประกาศว่าลงทุนเป็นเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา3ปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุนบรรดานักพัฒนาและสนับสนุนสตาร์ทอัพในเอเชีย-แปซิฟิก

“เราเห็นความต้องการเทคโนโลยีคลาวด์เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ตั้งแต่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ แพลทฟอร์มโลจิสติก ไปจนถึงฟินเทคและบันเทิงทางออนไลน์”เจฟฟ์ จาง ประธานอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าว

หน่วยงานด้านคลาวด์ของบริษัทอาลีบาบาเปิดตัวศูนย์ข้อมูลแห่งที่3 ในอินโดนีเซียและมีแผนที่จะเปิดตัวศูนย์ข้อมูลในฟิลิปปินส์ภายในปีนี้

คานัลลิสต์ ระบุว่า ธุรกิจบริการคลาวด์จะสร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทต่างๆ โดยในไตรมาส2ของปีนี้ มูลค่าของธุรกิจคลาวด์ทั่วโลกอยู่ที่ 47,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อนหน้านี้