เอ็นไอเอ ร่วมพันธมิตร ดันสตาร์ทอัพไทย พลิกโฉมเกษตรกรไทย

เอ็นไอเอ ร่วมพันธมิตร ดันสตาร์ทอัพไทย พลิกโฉมเกษตรกรไทย

  • 0 ตอบ
  • 93 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Jenny937

  • *****
  • 2838
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA จัดกิจกรรม AgTech Connext 2021 Demo Day นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ทอัพด้านการเกษตร เพื่อผลักดันให้เกษตรกรไทยเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผ่าน แพลตฟอร์ม AgTech Connext ที่จะเชื่อมโยงการทำงานภาครัฐ และภาคเอกชน ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และภาคเอกชน เช่น บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด มอบเครดิต AWS Cloud แก่สตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือก และกลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ สนับสนุนเงินรางวัล 300,000 บาท แก่สตาร์ทอัพที่นำเสนอผลงานเทคโนโลยีและนวัตกรรรมใช้งานจริง

ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA เปิดเผยว่า “NIA มีนโยบายวางบทบาทให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญสำหรับสตาร์ทอัพด้านการเกษตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพัฒนาสตาร์ทอัพด้านเกษตรให้มีโอกาสทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนผ่านกลไกและเครื่องมือ 4 แนวทาง ได้แก่ การเพิ่มปริมาณ การปรับปรุงคุณภาพ การเพิ่มความหลากหลาย และการสร้างความร่วมมือ ทั้งนี้ เพื่อพลิกโฉมวงการเกษตร (Agriculture Transformation) ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างยั่งยืน  โดยมีตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอันดับ 2ของโลก ซึ่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีด้านการเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพด้านเกษตรที่มีมากกว่า 130 บริษัท หรือ ประเทศจีนที่มีการใช้เทคโนโลยีในภาคการเกษตรอย่างเข้มข้น และมีการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการเกษตรด้วยสตาร์ทอัพ

ทั้งนี้ การสร้างโอกาสให้เกษตรกรไทยเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ทอัพจึงเป็นสิ่งจำเป็น ในโครงการ AgTech Connext ถือเป็นกลไกหนึ่งที่จะผลักดันสตาร์ทอัพสู่สนามการทำงานจริง แต่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงอยู่จึงทำให้เกิดความท้าทายกับสตาร์ทอัพในการปรับตัวและสร้างสรรค์กลยุทธ์การทำงานในรูปแบบใหม่เพื่อให้การทำงานดำเนินต่อไปได้ ซึ่งในแต่ละทีมก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี

 ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA

ด้าน ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวว่า “14 สตาร์ทอัพด้านเกษตรที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการนี้เป็นสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรม นำไปใช้งานได้จริง โดยสตาร์ทอัพเหล่านี้ จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านั้น มาใช้พื้นที่ทดสอบและเป็นต้นแบบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม

โดยผลงานทั้ง 14 สตาร์ทอัพ ประกอบด้วย ด้านเทคโนโลยีไอโอที ประกอบด้วย เดอะบริคเก็ต ระบบบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด ควบคุมไอโอทีอย่างแม่นยำ ฟาร์มไทยแลนด์: ระบบควบคุม ดูเเลและจัดการแปลงเกษตร ด้วยเทคโนโลยีไอโอทีผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือ ได้ทุกที่ ลดการใช้แรงงาน และประหยัดต้นทุน ด้าน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ รูปแบบธุรกิจใหม่ ได้แก่ โนวี่ โดรน พัฒนาโดรนให้เหมาะกับประเทศไทย ร่วมกับ เก้าไร่ ที่มีแพลตฟอร์มเชื่อมต่อเกษตรกรที่ต้องการใช้โดรน และนักขับโดรน เพื่อให้เกิดการบริการแบบคุ้มค่าประหยัดเวลา หรือ โกรว์เด่ ฟาร์มมิ่ง ออกแบบโรงเรือนปลูกพืชคุณภาพสูงด้วยราคาเข้าถึงได้ พร้อมรับซื้อผลผลิตที่ตอนนี้โฟกัสไปในกลุ่มกัญชงกัญชา

ในส่วนนวัตกรรรมแก้ปัญหาการเก็บรักษาสินค้าเกษตร ได้แก่ อีเด็น อะกริเทค สารเคลือบยืดอายุผัก ผลไม้
ที่แก้ปัญหาส่งออกมะม่วงทางอากาศไม่ได้จากการหยุดบินในช่วงล็อคดาวน์ โดยเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์แล้วสามารถยืดอายุทำให้ใช้เรือในการขนส่งแทนได้ ช่วยลดค่าขนส่งเป็นอย่างมาก



การสร้างตลาดออนไลน์ ด้วยการพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐาน และสร้างแบรนด์ร่วมกัน ได้แก่ แคสปี้ จะร่วมสร้างแบรนด์สินค้าให้กลุ่มเกษตรกรได้เข้าถึงตลาดออนไลน์ อควาบิซ มีการแปรรูปอาหารกลุ่มสัตว์น้ำให้มีมูลค่าสูงขึ้นและขายผ่านออนไลน์ครบวงจร เฮิร์ป สตาร์ทเตอร์ พัฒนาการสร้างตลาดสินค้าชุมชนสู่ออนไลน์ เริ่มดำเนินงานร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง น่าน ตาก นครปฐม นครนายก และมหาสารคาม ฟาร์มโตะ ระบบเจ้าของร่วมผลิตที่เชื่อมโยงเกษตรกรและผู้บริโภคเข้าหากันผ่านการขายผลผลิตเกษตรรูปแบบใหม่ตลาดออนไลน์ และ รีคัลท์ ที่นำข้อมูลขนาดใหญ่ของภาพถ่ายดาวเทียมมาพยากรณ์อากาศได้อย่างแม่นยำ จนมีเกษตรกรในแพลตฟอร์มมากกว่า 5 แสนราย พร้อมต่อยอดรับกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกผัก ผลไม้ ที่ได้รับรอง GAP เพื่อทำเป็นตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ 7 วัน 7 ฟาร์ม ที่ทุกแพลตฟอร์มได้อนิสงค์จากการเติบโตของตลาดออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากโควิด ทำให้เกษตรกรและชุมชนได้รับการตอบรับเพิ่มมากขึ้น นับได้ว่าการสร้างการเติบโตของธุรกิจชุมชนร่วมกับคนรุ่นใหม่อย่างสตาร์ทอัพ

และ การเปลี่ยนภาคเกษตรให้เป็นเกษตรแม่นยำ ได้แก่ น้ำเชื้อว่องไว นำเทคโนโลยีชีวภาพมาสร้างความแม่นยำในการเกิดลูกวัวได้เพศตามต้องการสำหรับวัวเนื้อและวัวนม พร้อมมีแนวทางการส่งสินค้าทั่วประเทศและสร้างเครือข่ายกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา ไบโอ แมทลิ้งค์ ระบบบริหารจัดการและดูแลการปลูกมันสำปะหลังที่สามารถควบคุมการผลิตได้ทุกขั้นตอน ได้นำร่องกับกลุ่มปลูกมันที่จังหวัดกาญจนบุรี ให้เพิ่มผลผลิตสูงขึ้นพร้อมมีคุณภาพมีปริมาณแป้งสูงขึ้น จะทำให้ขายให้กับกลุ่มโรงงานได้ราคาดีขึ้น ในอีกกลุ่มของกลุ่มประมง อัลจีบา พัฒนาเครื่องนับลูกสัตว์น้ำ ช่วยให้การนับลูกสัตว์น้ำ ที่มีระบบปัญญาประดิษฐ์มาช่วยการทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้น สามารถตอบโจทย์กับหน่วยงานวิจัยและผู้เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ พร้อมขยายผลสู่ระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น



ดร. ชยกฤต เจริญศิริวัฒน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศ กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (เอฟไอที) เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า “กลุ่มธุรกิจเอฟไอที มีเป้าหมายในการสร้างสรรค์และส่งเสริมศักยภาพของเกษตรกรและคู่ค้าผ่านโซลูชั่นที่มีนวัตกรรมและสร้างความยั่งยืน เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของอุตสาหกรรมการเกษตรและห่วงโซ่อุปทานการเกษตรให้มีความปลอดภัย รับผิดชอบ และตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยโครงการ AgTech Connext เป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างเอฟไอทีและภาครัฐที่จะส่งเสริมศักยภาพและเพิ่มจำนวนสตาร์ทอัพด้านเกษตรให้กับประเทศ นอกจากนี้ เอฟไอที ยังมีเป้าหมายสอดคล้องกับนโยบายรัฐ ด้าน BCG (Bio-Circular-Green) Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากธุรกิจของเอฟไอทีเองให้เป็นศูนย์ และลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิตหรือซัพพลายเซนของกลุ่มธุรกิจให้ลดลงครึ่งหนึ่งภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งหลังจากงานในครั้งนี้ ทางกลุ่มธุรกิจฯ ยังเปิดโอกาสให้ AgTech startup ที่สนใจจะเป็นพาร์ทเนอร์หรือร่วมงานกับทางเอฟไอที เพื่อเชื่อมโยงสตาร์ทอัพกับกลุ่มเกษตรกร หรือคู่ค้าของเอฟไอที ทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย”

สำหรับการผลการตัดสินในวันนี้ สตาร์ทอัพเกษตรผู้ชนะ (ตัดสินจากคณะกรรมการ) ที่ได้รับรางวัลที่ 1 ได้แก่ ทีม SPERM SPEED : น้ำเชื้อว่องไว ผลิตภัณฑ์พลาสเตอร์ฮอร์โมนเหนี่ยวนำการเป็นสัดสำหรับวัวเนื้อและวัวนม ระบบผสมเทียมโคแบบกำหนดเวลาและน้ำเชื้อโคกระบือคัดเพศ รับเงินรางวัล 150,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ EDEN AGRITECH : อีเด็น อะกริเทค สารเคลือบยืดอายุผัก ผลไม้ และผลไม้ตกแต่ง รับเงินรางวัล 100,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม ALGAEBA : อัลจิบ้า เครื่องนับลูกสัตว์น้ำ รวดเร็ว แม่นยำ และมีหลักฐานการนับ รับเงินรางวัล 50,000 บาท นอกจากนี้ ทางโครงการจัดให้มีรางวัล The Popular AgTech Connext 2021 Award (ตัดสินจากผลการโหวตของผู้เข้าร่วมงาน) ได้แก่ ทีม EDEN AGRITECH : อีเด็น อะกริเทค รับเงินรางวัล 20,000 บาท

สนใจโทร. 02-017 5555 ต่อ 552 (ทินวิฒน์) มือถือ 098-257 0888 อีเมล Thinnawat.s@nia.or.th เว็บไซต์ www.nia.or.th และ facebook.com/NIAThailand