'โรโบเวลธ์' ปั้นอีโคซิสเต็มเวลธ์เทคไทย ส่งเอไอช่วยวิเคราะห์ลงทุน

'โรโบเวลธ์' ปั้นอีโคซิสเต็มเวลธ์เทคไทย ส่งเอไอช่วยวิเคราะห์ลงทุน

  • 0 ตอบ
  • 69 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

deam205

  • *****
  • 2773
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




สินทรัพย์ดิจิทัล” นับเป็นการลงทุนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในขณะนี้ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งยังเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเข้าใจยากสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านการลงทุนรวมถึงเทคโนโลยี

จุดปัญหานี้กลายเป็นเหตุผลให้กับการพัฒนา “Robo Advisor” บริการวางแผนการลงทุน และจัดพอร์ตกองทุนรวมแบบอัตโนมัติ ที่มีปัญญาประดิษฐ์หรือสมองกลอยู่เบื้องหลัง


“ชลเดช เขมะรัตนา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท โรโบเวลธ์กรุ๊ป จำกัด อธิบายว่า Robo Advisor ประกอบด้วยการนำอัลกอริทึม การจัดการข้อมูลจำนวนมาก และสมองกลมาใช้ร่วมกับการให้คำปรึกษาด้านการเงิน เพื่อวางแผนการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินประเภทต่างๆ แบบอัตโนมัติ เสมือนเป็นเครื่องมือช่วยนักลงทุนวิเคราะห์บริหารจัดการการลงทุนที่ง่ายและเหมาะสม

อัพเดทไว ไม่พลาดการลงทุน

แพลตฟอร์ม Odini เป็น Robo-advisor รายแรกในประเทศไทย เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2561 ตอบโจทย์กลุ่มคนทั่วไปที่ต้องการเข้าถึงการลงทุนในกองทุนรวมแบบอัตโนมัติ สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ พร้อมให้อิสระในการเลือกลงทุนเป็นเงินก้อน หรือทยอยลงทุนเป็นรายเดือน ผ่าน 5 พอร์ตความเสี่ยง และผลตอบแทนที่เลือกได้ โดยเริ่มต้นผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4-12% ต่อปี เพื่อเป็นทางเลือกของการออมเงินระยะยาวกับการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยเงินฝาก

Odini BLACK แพลตฟอร์มการลงทุนแบบ Global Asset Allocation ที่เน้นการเติบโตของพอร์ตการลงทุนเป็นหลัก โดยจะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนทั่วโลกซึ่งเน้นการเติบโตในระยะยาว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่ม Mass Affluent ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 332,141 บัญชี

ส่วนแพลตฟอร์ม FinVest เปิดตัวไปในช่วงปลายปี 2563 ให้บริการคัดเลือกกองทุนรวมที่น่าสนใจ ในรูปแบบ Thematic Investment เน้นการให้ข้อมูลที่มีเนื้อหาเข้าใจง่าย โดยร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยและ Lu International บริษัทฟินเทครายใหญ่ ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 123,143 บัญชี และ ASCEND WEALTH เป็นบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ภายใต้กลุ่มทรู โดยโรโบเวลธ์ได้ทำระบบในส่วนของ Mutual Fund ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถซื้อกองทุนรวมผ่านแอพทรูมันนี่วอลเล็ต ปัจจุบันมีผู้ใช้งานถึง 485,374 บัญชี

รายได้ของบริษัทมาจากค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายกองทุนรวม ได้แก่ ค่าธรรมเนียม front-end และ ค่าธรรมเนียมการจัดการ อีกทั้งส่วนแบ่งรายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้ากองทุนรวมจากพันธมิตร ส่วนฝั่ง B2B ได้แก่ ค่าพัฒนา ค่าบำรุงรักษา และส่วนแบ่งรายได้

“ชี้เป้า” การลงทุนถูกจุด


ภาพรวมตลาดเวลธ์เทค ชลเดช มองว่า เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่ช่วงหลังที่ไม่ค่อยมีผู้เล่นรายใหม่ที่เป็นสตาร์ทอัพเข้ามา ทั้งนี้การเติบโตยังไปได้ ส่วนตลาด B2C นอกจากกลุ่มธนาคารก็ยังมีอุตสาหกรรมอื่น อาทิ ประกัน รีเทล โทรคมนาคม ที่เริ่มมองหาการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อการลงทุน นำเสนอให้กับฐานลูกค้าของตนเอง

“เมื่อเทียบกับประชากรในไทยที่มีกว่า 70 ล้านคน มีบัญชีที่ซื้อกองทุนและหุ้นเพียง 2 ล้านบัญชี ซึ่งไม่ถึง 5% ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่มีนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนหลายแสนคน เนื่องจากคนไทยค่อนข้างชอบเก็งกำไร แต่การลงทุนแบบ DCA ทุกเดือน เป็นระยะยาวยังมีน้อยนัก ส่วนในประเทศที่พัฒนาแล้วสัดส่วนคนลงทุนครึ่งต่อเครื่อง และประเทศที่กำลังพัฒนาสัดส่วนจะอยู่ที่ 10% ดังนั้น ตลาดนี้จึงยังคงมีช่องว่าง”

ขณะที่โรโบเวลธ์ได้เปรียบแพลตฟอร์มต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงบริษัทเทคโนโลยี ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องไลเซ่นส์ หรือการประกอบธุรกิจ และที่สำคัญเมื่อเป็นด้านเทคโนโลยีในเรื่องของภาษามีส่วนที่เป็นข้อจำกัด อีกข้อดีหนึ่งคือ เนื่องจากโรโบเวลธ์เป็น co-founder จึงมีการแอคทีพตลอดเวลา เมื่อมีดีลจึงเร็วและยืดหยุ่นสูง ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้โรโบเวลธ์โตได้ไว

สำหรับแผนธุรกิจช่วงกลางปีในส่วนของ FinVest มีแผนจะเปิดให้นักลงทุนสามารถซื้อกองทุนต่างประเทศได้โดยตรง ทั้งแลกเปลี่ยนอัตราได้แบบเรียลไทม์ ส่วน Odini จะมีการลอนซ์หลากหลายฟีเจอร์ทั้งในแง่ของ portfolio และ financial planning ที่จะเน้นเรื่องของแผนเกษียณ รวมถึงแอพพลิเคชั่นใหม่ที่กำลังพัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์ ทั้งยังมีแผนขยายตลาดไปยังเวียดนาม และอินโดนีเซียในอนาคต