ยันไม่ปิด 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์'!! ออกมาตรการเข้มสกัดโควิดป่วนหนัก

ยันไม่ปิด 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์'!! ออกมาตรการเข้มสกัดโควิดป่วนหนัก

  • 0 ตอบ
  • 74 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Thetaiso

  • *****
  • 2964
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 





หลังจากจังหวัดภูเก็ตได้ประกาศออกคำสั่งล่าสุด 3 ฉบับเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่ 1.ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีผลตั้งแต่วันที่ 3-16 ส.ค.นี้ 2.มาตรการควบคุมการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.-12 ส.ค.2564

และ 3.การปิดสถานที่หรืองดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง โดยมีมาตรการปิดสถานที่จัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด หรือโต๊ะพูล, ร้านเกมคอมพิวเตอร์ เกมออนไลน์, โรงเรียนสอนมวย และโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ทุกประเภท รวมถึงสระว่ายน้ำที่เปิดให้บริการประชาชนเป็นการทั่วไปทั้งในส่วนของราชการและเอกชน ส่วนมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ สถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค โดยสนามกีฬาหรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกายกลางแจ้ง สวนสาธารณะ ลาน พื้นที่กิจกรรมสาธารณะโล่งแจ้ง สามารถเปิดให้บริการได้ไม่เกิน 21.00 น. จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการตามขนาดของพื้นที่ และผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว

วันนี้ (30 ก.ค.) นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่านช่องทางออนไลน์ระบบ ZOOM ว่า ทางจังหวัดฯขอยืนยันว่าการออกมาตรการดังกล่าว “ไม่มีผลกระทบ” ต่อการดำเนินโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวภายในภูเก็ตอย่างน้อย 14 คืน จึงจะสามารถออกไปท่องเที่ยวพื้นที่อื่นภายในประเทศไทยได้

“จุดประสงค์ของการออกคำสั่งภูเก็ตล่าสุดนี้คือต้องการเซฟภูเก็ต เซฟภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และเซฟประเทศไทย ด้วยการยกระดับมาตรการเริ่มจากเบาไปหนัก เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้ และสามารถเดินหน้าเศรษฐกิจได้ด้วย”

สำหรับหนึ่งในหลักเกณฑ์ของแผนเผชิญเหตุโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์คือจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯเมื่อพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ใน จ.ภูเก็ต มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ โดยหลังจากเริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าสัปดาห์ที่ 1 (1-7 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 25 ราย, สัปดาห์ที่ 2 (8-14 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 48 ราย, สัปดาห์ที่ 3 (15-21 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 69 ราย และสัปดาห์ที่ 4 (22-28 ก.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 185 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในจังหวัด 148 ราย ผู้ติดเชื้อที่คัดกรองพบจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 6 ราย ผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัด 19 ราย และโครงการรับคนกลับบ้านอีก 11 ราย

“ในช่วงวันที่ 22-28 ก.ค.ที่ผ่านมา พบจำนวนผู้ติดเชื้อ 185 รายต่อสัปดาห์ เมื่อเกิน 90 รายต่อสัปดาห์ตามหลักเกณฑ์ จึงได้ประกาศมาตรการ 3 ฉบับล่าสุดเพื่อลดการเดินทางเข้าภูเก็ต ลดและงดการจัดกิจกรรมเพื่อควบคุมโรค อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาหลักเกณฑ์อื่นร่วมแล้ว เช่น อัตราการครองเตียงซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 249 เตียง คิดเป็น 36% ของจำนวนทั้งหมด 694 เตียงในภูเก็ต ยังอยู่ในภาวะที่รับมือและดูแลได้ จึงพิจารณาไม่ปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”

ทั้งนี้ในช่วง 4 สัปดาห์แรกของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พบว่ามีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางเข้าโครงการฯ พบว่าเมื่อวันที่ 29 ก.ค.มีจำนวนรวม 12,599 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อจากในกลุ่มนี้ 30 คนเท่านั้น คิดเป็นสัดส่วนน้อยมากที่ 0.2% และเป็นการติดเชื้อมาจากนอกประเทศอยู่แล้ว โดยมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 400 กว่าคนต่อวัน จำนวนการจองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ช่วงไตรมาส 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.นี้อยู่ที่ 298,858 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 192,403 คืน เดือน ส.ค. 98,735 คืน เดือน ก.ย. 7,720 คืน และเมื่อรวมจำนวนการจองห้องพักในช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 อีก 6,586 คืน จะมีจำนวนการจองห้องพักโรงแรมของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ 305,444 คืน

“คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มากขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป ในช่วงนี้จึงถือเป็นการทดสอบระบบของโครงการฯ เมื่อมีการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ย่อมมีแรงงานเข้ามาทำงาน และอาจนำเชื้อเข้ามา ทางจังหวัดจึงยกระดับมาตรการเพื่อควบคุมโรค เพราะภาพที่เราอยากเห็นคือสามารถควบคุมโรคได้ด้วย และเดินหน้าเศรษฐกิจได้ด้วย ไม่อยากเห็นการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้วต้องมาปิดภายหลัง” นายณรงค์กล่าว

ด้านนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ยอดจองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตช่วง 3 วันที่ผ่านมาหลังพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น พบการชะลอตัวจากก่อนหน้านี้เติบโต 15% ต่อวัน เหลือเติบโตที่ 10% ต่อวัน

นับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ประเมินว่านักท่องเที่ยวใช้จ่ายคนละ 60,000 บาทต่อทริป ทำให้ภูเก็ตมีรายได้ด้านการท่องเที่ยวกว่า 800 ล้านบาทแล้ว โดย ททท.ต้องประชาสัมพันธ์เชิงรุกในต่างประเทศต่อไปเพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะนี้มีเอเย่นต์ทัวร์ของอังกฤษเริ่มขายแพ็คเกจเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้ว

ส่วนข้อจำกัดด้านการเดินทางภายในประเทศขณะนี้ ภายหลังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) มีคำสั่งระงับเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารเข้าออกจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการช่วยจัดหารถบริการพิเศษรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนที่ต้องการเดินทางออกจากภูเก็ตเพื่อมาขึ้นเครื่องบินกลับที่สนามบินสุวรรณภูมิ

นายสุนทร ศักดาสาวิตร รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเขตการบิน ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวเสริมว่า  ตามคำสั่งของจังหวัดภูเก็ตล่าสุด ส่งผลให้สายการบินนกแอร์จำเป็นต้องหยุดให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-อู่ตะเภา ส่วนสายการบินบางกอกแอร์เวย์สต้องหยุดให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-สมุย ซึ่งมีเป้าหมายเชื่อมการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ไว้ก่อนเช่นกัน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 3-16 ส.ค.นี้

นายศิริปกรณ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การหยุดให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-สมุย ไม่ใช่เพราะเรื่องของระเบียบข้อบังคับที่ทางจังหวัดภูเก็ตเพิ่งประกาศ หรือเพราะดีมานด์ของนักท่องเที่ยว แต่เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุยเป็นหลัก ซึ่งอาจจะมีจำนวนเตียงรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 บนเกาะสมุยไม่เพียงพอ