ดาวโจนส์ปิดลบ 117 จุด กังวลเงินเฟ้อหลังราคาพลังงานพุ่ง

ดาวโจนส์ปิดลบ 117 จุด กังวลเงินเฟ้อหลังราคาพลังงานพุ่ง

  • 0 ตอบ
  • 85 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Beer625

  • *****
  • 3030
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 


ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้(12 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 34,378.34 จุด ลดลง 117.72 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของต้นทุนพลังงาน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,378.34 จุด ลดลง 117.72 จุด หรือ -0.34% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,350.65 จุด ลดลง 10.54 จุด หรือ -0.24% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,465.93 จุด ลดลง 20.28 จุด หรือ -0.14%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนกังวลว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะส่งผลให้ต้นทุนพลังงานดีดตัวและก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อตามมา นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยังอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชนและบั่นทอนการใช้จ่ายของผู้บริโภค


หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวลง นำโดยหุ้นกลุ่มการสื่อสารและกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.05% ละ 0.51% ตามลำดับ 

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง 0.6% ก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ 

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ในวันนี้ (13 ต.ค.) ส่วนโกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้ กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
 

ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Wedbush Securities กล่าวว่า แม้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มฟื้นตัวในไตรมาส 3 แต่นักลงทุนกังวลว่าบริษัทเหล่านี้อาจจะปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ตลอดปีงบการเงิน 2564 เนื่องจากผลกระทบของต้นทุนที่สูงขึ้น รวมทั้งปัญหาคอขวดที่เกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทาน

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.74% หลังเทสลาเปิดเผยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีนจำนวน 56,006 คันในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เทสลาเริ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเซี่ยงไฮ้เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว

นักลงทุนจับตารายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐ และรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดว่าจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ไทม์ไลน์ที่เฟดจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ปรับตัวลดลงแตะ 10.4 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. หลังจากที่พุ่งทำสถิติเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.9 ล้านตำแหน่ง

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด