“โออาร์” ลุยลงทุนสตาร์ทอัพ สร้างธุรกิจใหม่ต่อยอด “นอนออยล์”

“โออาร์” ลุยลงทุนสตาร์ทอัพ สร้างธุรกิจใหม่ต่อยอด “นอนออยล์”

  • 0 ตอบ
  • 62 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

fairya

  • *****
  • 2954
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 


“โออาร์” ผนึกกองทุน 500 Startups ตั้ง “ออร์ซอน เวนเจอร์ส” ร่วมลงทุนสตาร์ทอัพ เน้นธุรกิจนอนออยล์ ทุ่มเบื้องต้น 1.5 พันล้าน เผยสตาร์ทอัพไทย-จีน ติดต่อขอรับเงือนไข เล็งร่วมลงทุน 20-30 ราย

ธุรกิจ Mobility&Lifestyle เป็น 1 ใน 6 กลุ่มธุรกิจที่กลุ่ม ปตท.ปรับตัววิสัยทัศน์ใหม่ “Powering life with future energy and beyond” โดยธุรกิจ Mobility&Lifestyle จะมี บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เป็นแกนหลัก

การร่วมลงทุนกับกลุ่มสตาร์ทอัพเป็นอีกแนวทางที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ Mobility&Lifestyle ซึ่งเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์คนเดินทางในอนาคตและตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกไลฟ์สไตล์ เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การท่องเที่ยว สุขภาพ รวมถึง Digital Lifestyle

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โออาร์ และกองทุน 500 Startups หรือ 500 TukTuks ได้จัดตั้งกองทุนออร์ซอน เวนเจอร์ส (ORZON Ventures, L.P.) โดยโออาร์ จะร่วมลงทุนเริ่มแรก 25-50 ล้านดอลลาร์หรือ 750-1,500 ล้านบาท 

ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาและสนับสนุนสตาร์ทอัพใหม่ในระดับซีรีย์ A-B ที่ดำเนินธุรกิจในไทยและอาเซียน โดยมุ่งเน้นทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโออาร์ และธุรกิจใหม่ภายใต้ธุรกิจ Mobility & Lifestyle เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและสร้างความเติบโตระยะยาว และสร้างโอกาสในการสร้างธุรกิจ New S-Curve ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะสร้างความแข็งแกร่งและต่อยอดธุรกิจของโออาร์

หาพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ

นางสาวจิราพร กล่าวว่า โออาร์จะดำเนินธุรกิจที่สร้างความร่วมมือเพื่อการเติบโตยั่งยืน โดยจะแสวงหาธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้ก้าวไกลกว่าธุรกิจน้ำมันท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยไม่ได้มองการร่วมมือเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือกับคนตัวเล็ก ทั้งรูปแบบพันธมิตรทางธุรกิจ การลงทุนในเอสเอ็มอีหรือสตาร์ทอัพ โดยสตาร์ทอัพไทยมีจุดแข็งด้านศักยภาพการใช้เทคโนโลยี มีความสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว แต่ขาดความพร้อมด้านกำลังคน ขาดเงินทุน ขาดการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและขาดระบบนิเวศเกื้อหนุน

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาโออาร์ลงทุนกับกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) บริษัทแม่ของ แฟลช เอ็กซ์เพรส จากการระดมทุนซีรีย์ E โดยการบริหารและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ครอบคลุมถึงการลงทุนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่จะตอบโจทย์ และสร้างความแตกต่างให้แก่ตลาด รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขาย ขยายบริการและสร้างกลยุทธ์ใหม่ 

ทั้งนี้ แฟลช เอ็กซ์เพรส มียอดจัดส่งพัสดุต่อวันสูงสุดร่วม 2 ล้านชิ้น ซึ่งโออาร์ได้เปิดจุดรับส่งพัสดุในแนวคิด "Flash Express Drop Off ส่งง่าย ส่งไว ทั่วไทย ที่ Cafe Amazon” โดยนำร่องเฟสแรก 71 สาขาทั่วประเทศ และขยายไปสาขาอื่นจากปัจจุบันมีคาเฟ่ อเมซอนกว่า 3,000 สาขา ตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตที่มีไลฟ์สไตล์ปรับตัวสู่โลกออนไลน์มากขึ้น

นอกจากนี้ ร่วมมือกับ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความสดใหม่ของผักที่ปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ และส่งตรงจากฟาร์มผักขนาดใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยโออาร์ลงทุนสัดส่วน 20% และได้ตั้งเป้าขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋เพิ่มเติมในสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น 

รวมถึงการจำหน่ายอาหารแบบ Grab&Go ผ่านร้านคาเฟ่ อเมซอนในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และภาคเหนือ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความหลากหลาย และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ

หนุนธุรกิจนอนออยล์

ทั้งนี้ การที่โออาร์เริ่มลงทุนกับบริษัทสตาร์อัพทั้งกลุ่มธุรกิจแฟลซและโอ้กะจู๋ ซึ่งครอบคลุมธุรกิจใหม่ของโออาร์ในธุรกิจ Mobility & Lifestyle จึงมั่นใจว่าการจัดตั้งกองทุนออร์ซอน เวนเจอร์ส จะทำให้โออาร์เข้าถึงสตาร์ทอัพที่อยู่ครอบคลุมใน Early Stage ในไทยและอาเซียนได้มากขึ้น โดยผ่านกระบวนการคัดกรองจากทีมผู้บริหารกองทุน 500 TukTuks ซึ่งมีความชำนาญในการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ 

สำหรับสตาร์ทอัพที่ออร์ซอน เวนเจอร์ส มองหาจะมีทั้งที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับ โออาร์ และธุรกิจใหม่เพื่อตอบโจทย์ของกลุ่มธุรกิจ Mobility & Lifestyle และหากสตาร์ทอัพที่ออร์ซอน เวนเจอร์ส ลงทุนไปเติบโตได้ดีบน OR Ecosystem โออาร์ อาจพิจารณาลงทุนตรงในสตาร์ทอัพ เองอีกทางด้วย

จุดแข็งสตาร์ทอัพหนุนโออาร์

“โออาร์อยากเติบโตอย่างยั่งยืนคู่กับพันธมิตร วันนี้เข้าลงทุนทั้งขนาดกลาง ขนาดใหญ่ รวมถึงสตาร์ทอัพ การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนเกื้อกูลจากคนไทย จึงอยากเติบโตร่วมกัน ส่วนการทำธุรกิจในมุมของสตาร์ทอัพ มองว่าเป็นคนที่มีกำลัง มีพลังแข็งแกร่ง มีศักยภาพ มีความรวดเร็วของเทคโนโลยี ทันต่อการเปลี่ยนแปลง" 

ส่วนสถานีพีทีที สเตชั่นปัจจุบันคนเข้ามาใช้บริการ 3 ล้านคนต่อวัน โออาร์จึงอยากได้สตาร์ทอัพที่คิดบริการตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่เป็นมากกว่าการมาเติมน้ำมันแต่ให้เป็นจุดนัดพบส่งต่อสินค้าบริการต่อกัน และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โออาร์พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพีทีที สเตชั่น เพื่อเติมเต็มความสุขกว่า 2,000 สาขา ให้ตอบโจทย์ความสุขให้คนที่เข้ามาใช้บริการ

นอกจากนี้ หากบริษัทสตาร์ทอัพ ได้โอกาสจากบริษัทใหญ่ ทั้งเรื่องของเงินทุนและกำลังคนจะขยายธุรกิจให้กับโออาร์ได้ดี โดยโออาร์มีสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น คาเฟ่ อเมซอน ครอบคลุมทั่วประเทศ และมีสาขาอยู่ต่างประเทศอีกกว่า 10 ประเทศในอาเซียนถือเป็นพื้นที่น่าลงทุนที่ไม่ได้อยู่แค่ 60 ล้านคนในไทย แต่มีโอกาสไปถึงไม่ต่ำกว่า 600 ล้านคน 

สตาร์ทอัพไทย-จีนสนร่วมทุน

สำหรับ ออร์ซอน เวนเจอร์สตั้งงบลงทุนเบื้องต้น1,500 ล้านบาท ซึ่งเน้นธุรกิจนอนออยล์มากขึ้น และหากมีสตาร์ทอัพต้องการใช้เงินเพิ่มเติมก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ ล่าสุดมีสตาร์ทอัพทั้งไทยและจีน ติดต่อขอรับเงื่อนไขจำนวนหนึ่งและกำลังหาข้อสรุป

ทั้งนี้ โออาร์เชื่อว่าศักยภาพความพร้อมของโออาร์ จะช่วยเติมเต็มและสนับสนุนสตาร์ทอัพทั้งด้านเงินทุน การเข้าถึงฐานลูกค้าและระบบนิเวศขนาดใหญ่ของโออาร์ และความช่วยเหลือด้านพื้นฐานอื่นจากผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้สตาร์ทอัพมีสภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่เหมาะสม เปรียบเสมือน Sandbox หรือ Playground ขนาดใหญ่ ที่จะเพิ่มโอกาสให้บริษัทสตาร์ทอัพเติบโตได้รวดเร็วและยั่งยืนขึ้น

นอกจากนี้ โออาร์เตรียมวงเงินลงทุนสำหรับเข้าลงทุนธุรกิจอื่น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของโออาร์ให้กับเศรษฐกิจไทยและส่งเสริมให้ธุรกิจใหม่เติบโตสู่ระดับโลก โดยมีแผนการลงทุน 5 ปีข้างหน้า วงเงิน 75,000 ล้านบาท แบ่งเป็นน้ำมันและอีวี 35% ต่างประเทศ 20% ที่เหลือเป็นธุรกิจ New S-Curve และธุรกิจใหม่

ตั้งเป้าสตาร์ทอัพ30ราย

นายเรืองโรจน์ พูนผล ผู้บริหารกองทุน 500 TukTuks ซึ่งจะมารับตำแหน่งผู้บริหารของ ออร์ซอน เวนเจอร์ส เปิดเผยว่า การร่วมมือกันครั้งนี้ทำให้ความฝันนี้ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นทั้ง โออาร์ และ 500 TukTuks มีเป้าหมายเดียวกัน คือ การสร้างอีโคซิสเต็มที่พร้อมสนับสนุนและผลักดันสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตก้าวกระโดดและสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศ 

สำหรับการร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นการดึงเอาจุดแข็ง 2 ฝ่ายมารวมกัน ทั้งประสบการณ์การลงทุนสตาร์ทอัพ 6 ปีของ 500 TukTuks ที่เป็นนักลงทุนชั้นนำที่ได้ลงทุนในสตาร์ทอัพมากที่สุดในไทย รวมกับโออาร์ที่เป็นผู้นำตลาดค้าปลีกน้ำมันและมี OR Ecosystem ที่แข็งแกร่ง มีความตั้งใจจริงที่จะทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพดังที่เห็นได้จากตัวอย่างความร่วมมือช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้เกิด Synergy ในรูปแบบใหม่ที่จะผลักดันสตาร์ทอัพไทย ที่อยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงแบบหักศอก Continuous Disruption ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ในยุคทองของอาเซียนร่วมพลิกโฉมวงการสตาร์ทอัพไทย

“เดือน พ.ย.นี้ ออร์ซอน เวนเจร์ส จะเริ่มลงทุนได้ โดยปีนี้จะใส่เงินลงทุนในสตาร์ทอัพ 1-2 ราย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้สตาร์ทอัพรายต่อไป เพราะด้วยศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยวันนี้มีความพร้อมมาก โดยตั้งเป้าเฟสแรกลงทุนในสตาร์ทอัพ 10-15 ราย จะเน้นสตาร์ทอัพไทยก่อน ขณะนี้มีสตาร์ทอัพเป้าหมายที่อยู่ในการพิจารณาแล้ว 20-30 ราย โดยออร์ซอน เวนเจอร์ส จะให้เงินสนับสนุนสตาร์ทอัพไม่เกิน 50 ล้านบาท ต่อราย และพร้อมใส่เงินเพิ่มอีกถ้ามีศักยภาพไปต่อได้” นายเรืองโรจน์  กล่าว