ตลท.ชี้หุ้นไทย 9 เดือนแรก 64 บวก 10.8% เชื่อโค้งสุดท้ายของปีดีกว่านี้

ตลท.ชี้หุ้นไทย 9 เดือนแรก 64 บวก 10.8% เชื่อโค้งสุดท้ายของปีดีกว่านี้

  • 0 ตอบ
  • 73 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Ailie662

  • *****
  • 2858
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 


ตลท.ชี้หุ้นไทย 9 เดือนแรก 64 บวก 10.8% เชื่อโค้งสุดท้ายของปีดีกว่านี้ ให้น้ำหนักฉีดวัคซีนเร็ว-มากสุด

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจของไทยที่พบว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งเรื่องการส่งออกและการผลิต แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคือความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันที่มีผลต่อทุนผู้ประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ด้วย เนื่องจากจุดแข็งของตลาดทุนไทยคือ ภาคการส่งออก ที่สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและขยายกิจการไปต่างประเทศได้หลากหลาย แต่การระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในภาพรวมตั้งแต่ช่วงปี 2563 จนถึงปัจจุบัน จึงมองว่าปัจจัยในไตรมาส 4/2564 ที่ให้น้ำหนักมากที่สุดคือการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ภาคการส่งออก รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เป็นอุตสาหกรรมที่โดดเด่นของไทย สามารถกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้ เนื่องจากไทยมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก

“แนวโน้มเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจน เพราะมีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ต้องติดตามและพิจารณาถึงผลกระทบต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมถึงต้องติดตามว่าเมื่อมีปัจจัยใดๆ เกิดขึ้นแล้ว ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศให้การตอบรับต่อปัจจัยเหล่านั้นอย่างไร” นายภากรกล่าว


นายภากรกล่าวว่า นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯยังอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการใช้มาตรการหรือเครื่องมืออื่นๆ เพิ่มเติมจากมาตรการเดิม เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่มีผันผวนสูง อาทิ เกณฑ์การควบคุมหุ้นที่มีจำนวนหุ้นถือครองโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) เข้ามาคำนวณดัชนี เพื่อลดความผันผวนของราคาและภาวะตลาดรวม ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการผ่านไปแล้วหลายขั้นตอนแล้ว เหลือกระบวนการอีกไม่มาก อาทิ รอการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเปิดให้บริการ LiVE Exchange ในปลายปี 2564 ที่ได้ร่วมกับ ก.ล.ต. เพื่อพัฒนากฎเกณฑ์รองรับการระดมทุนรองสำหรับเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ เพื่อเพิ่มช่องทางการระดมทุนสำหรับผู้ประกอบการและเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับผู้ลงทุนมากขึ้นด้วย

ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,605.68 จุด ลดลง 2.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า ส่วนช่วง 9 เดือนแรก ดัชนีหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 10.8% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดเซตและตลาดเอ็มเอไอ อยู่ที่ 100,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า และใน 9 เดือนแรก มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,463 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนที่สองต่อเนื่องกันในปี 2564 โดยในเดือนกันยายน 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10,803 ล้านบาท รวมถึงพบว่า ช่วง 9 เดือนแรก ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 79,172 ล้านบาท ส่วนผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 105,753 ล้านบาท ซึ่งนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง

นายศรพลกล่าวว่า ในเดือนกันยายน 2564 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ในตลาดเซต 2 บริษัท และ ในตลาดเอ็มเอไอ 2 บริษัท โดยใน 9 เดือนแรก ตลาดเซตมีมูลค่าเสนอขายในตลาดแรก (ไอพีโอ) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในอาเซียน อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ระดับ 2.74% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ 2.47% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่าภาพรวมตลาดเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มบริการ