FETCO คงเป้าดัชนี 1,650 จุด เปิดเมืองหนุนหุ้น Q4 คึกคัก

FETCO คงเป้าดัชนี 1,650 จุด เปิดเมืองหนุนหุ้น Q4 คึกคัก

  • 0 ตอบ
  • 65 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Ailie662

  • *****
  • 2858
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 


สภาธุรกิจตลาดทุนไทยคงเป้าดัชนีหุ้นไทย 1,650 จุด ปีหน้า 1,750 จุด ลุ้นเปิดเมือง-เงินทุนไหลเข้า-ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยเพิ่ม ชี้ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ยังอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” เหตุนักลงทุนเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น จากวัคซีนคืบ “เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว” ฟื้น

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า จากผลสำรวจในเดือน ก.ย. 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (-ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 142.71 โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกือบทุกสถาบันยังอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (bullish) ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อยู่ในระดับ “ร้อนแรงมากกว่า” สะท้อนถึงบรรยากาศ (sentiment) ในตลาดหุ้นไทยที่ยังทรงตัว โดยในเดือน ต.ค.นี้ นักลงทุนทุกกลุ่มยังคงมองภาพตลาดหุ้นไทยค่อนข้างดี แม้ว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศจะเริ่มผันผวนขึ้น


โดยปัจจัยหลัก เป็นเรื่องแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดมีจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วประมาณ 21 ล้านคน หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ถือว่าค่อนข้างที่จะดำเนินการได้เร็วขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น รองลงมาเป็นเรื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของท่องเที่ยว ทั้งนี้ จาก 3 ปัจจัยหลักจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้รวมถึงปีหน้าด้วย

ขณะที่ปัจจัยลบยังเป็นความเสี่ยง หากมีการกลับมาระบาดของโควิดอีกครั้งหรือความล่าช้าของวัคซีน อาจทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปแย่ได้อีกรอบ แต่มองว่าอาจเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากเริ่มเห็นความชัดเจนของวัคซีนรวมถึงเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบจากสถานการณ์เศรษฐกิจจีนเข้ามาด้วย เนื่องจากจีนกำลังเผชิญปัญหาเรื่องพลังงานขาดแคลน รวมถึงประเด็นบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ที่เริ่มน่าเป็นห่วง ซึ่งคงต้องตามดูว่าจีนจะมีวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร


นายไพบูลย์กล่าวว่า ในเดือน ก.ย. SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 โดยปรับตัวลดลง 2.0% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ในไตรมาส 4 มองว่าตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากประเทศไทยไม่มีความกังวลเรื่องของปัญหาเงินเฟ้อ เหมือนที่หลาย ๆ ประเทศกำลังเผชิญ รวมถึงการไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยของไทย ทำให้นักลงทุนจะเริ่มหันมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,650 จุด และปีหน้า 1,750 จุดโดยอัพไซด์ส่วนใหญ่น่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า เนื่องจากปีนี้ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดประเทศแต่นักท่องเที่ยวอาจจะยังคงไม่ได้เข้ามามากนัก

“เริ่มเห็นสัญญาณเม็ดเงินต่างชาติทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยเริ่มเห็นสัญญาณตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนแรกที่เงินต่างชาติไหลเข้าสูงที่สุดในรอบปีนี้และปีที่แล้ว ส่วนในเดือน ก.ย.ถึงต้นเดือน ต.ค.นี้ ก็ยังคงเห็นเม็ดเงินทยอยไหลเข้าต่อเนื่องเช่นกัน ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากต่างชาติเริ่มมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศ หลังจากต้นปีที่เม็ดเงินไหลออกไปรวมกว่า 1 แสนล้านบาท” นายไพบูลย์กล่าว

ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยกล่าวด้วยว่า ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนลงต่อเนื่อง เชื่อว่าคงไม่อ่อนไปมากกว่านี้ เนื่องจากโดยปกติค่าเงินจะอ่อนสุดไม่เกิน 12-13% ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทอ่อนลงไปถึง 10% แล้ว รวมถึงเงินบาทอ่อนก็เป็นผลดีต่อภาคการส่งออกและช่วยหนุนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม หากสามารถเปิดประเทศได้จริง ก็มองว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเริ่มค่อย ๆ ดี ก็จะส่งผลให้ค่าเงินบาทค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน