โอเปกไม่เพิ่มกำลังผลิต ดันราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

โอเปกไม่เพิ่มกำลังผลิต ดันราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

  • 0 ตอบ
  • 63 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

fairya

  • *****
  • 2954
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติใหม่ โดยราคาน้ำมันเบรนท์ทะเลเหนือปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะปรับลดลงเล็กน้อยมาปิดที่ 81.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือปรับเพิ่มขึ้น 2.8 เปอร์เซ็นต์ มาปิดที่ระดับสูงที่สุดในรอบ 3 ปี

ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดสหรัฐ (เวสต์เท็กซัสอินเตอร์มิเดียด หรือดับเบิลยูทีไอ) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ หรือ 2.32 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 78.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 หรือสูงที่สุดในรอบ 7 ปี


ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันและชาติพันธมิตรผู้ผลิตน้ำมัน หรือโอเปก+ ตัดสินใจที่จะไม่เพิ่มกำลังผลิตหลังจากที่มีการปรับลดไปในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่จะยึดตามจำนวนการเพิ่มกำลังผลิตที่เคยกำหนดไว้เดิมคือเพิ่มกำลังผลิตขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนพฤศจิกายน

ปัจจุบันความต้องการน้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในหลายพื้นที่ บวกกับที่ในหลายพื้นที่ของเอเชียมีการเปลี่ยนการผลิตไฟฟ้าจากการใช้ก๊าซธรรมชาติมาเป็นน้ำมัน ซึ่งยิ่งทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นจากความต้องการน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นตามมา

นักเศรษฐศาสตร์หวั่นวิตกว่าราคาน้ำมันที่สูงกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจะบ่อนทำลายการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีปัญหาคอขวดในซัพพลายเชนอยู่แล้ว และยังเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมา ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19