โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ตามต่างประเทศ หลังเมอร์คจะยื่นขอใช้ยาต้านโควิด ขณะที่ Bond yield ชะลอมาอยู่ที่ 1.46% จากก่อนหน้านี้ทะลุ 1.5% ทำให้
เป็นผลดีต่อการลงทุน ด้านราคาน้ำมันดิบก็ยังปรับตัวขึ้นด้วย อีกทั้งราคาพลังงานตอนนี้ถือว่าแพงมาก โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างบวกต่อเนื่อง ทำให้หุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะได้รับผลดีไปด้วย
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก โดยตลาดหุ้นเกาหลี และจีนที่ปิดทำการ ตามตลาดสหรัฐฯ หลังจากที่มีความหวังในยาตัวใหม่ของ "เมอร์ค แอนด์ โค" ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ที่เตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาตัวใหม่ โมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ในกรณีฉุกเฉิน หลังการทดลองทางคลินิกได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ซึ่งช่วยหนุนภาพของการฟื้นตัว
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) อายุ 10 ปี ของสหรัฐฯได้ชะลงตัวมาอยู่ที่ 1.46% จากก่อนหน้านี้ทะลุ 1.5% ทำให้เป็นผลดีต่อการลงทุน
ส่วนปัจจัยในประเทศมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ดีขึ้นต่อเนื่อง ยอดผู้เสียชีวิตลงต่ำกว่า 100 รายต่อวัน และราคาน้ำมันดิบก็ยังปรับตัวขึ้นด้วย อีกทั้งราคาพลังงานตอนนี้ถือว่าแพงมาก โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างบวกต่อเนื่อง ทำให้หุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะได้รับผลดีไปด้วย
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของทั่วโลกที่จะทยอยออกมา รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาในวันศุกร์นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,592-1,593 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610-1,620 จุด