ชื่อของ "อรอร อัครเศรณี" ปรากฏเป็นข่าวในตลาดหุ้นครั้งแรก ประมาณกลางปี 2558
ในช่วงที่กลุ่มนายฉาย บุนนาค กำลังเปิดปฏิบัติการเทกโอเวอร์หรือครอบงำกิจการจากนายสุทธิชัย หยุ่นนางสาวอรอร ในฐานะผู้ถือหุ้น บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ทำหนังสือถึงนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในขณะนั้น เพื่อทวงถามความชอบธรรม ในการทำหน้าที่ปกป้องนักลงทุนที่ถูกหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เข้าร่วมประชุมสามัญประจำปีของ NMG
หลังจากนั้นชื่อของ “อรอร” ก็ปรากฏขึ้นเป็นระยะ โดยเข้าซื้อหรือขายหุ้นที่มีส่วนเกี่ยวพันกับนายฉายทั้งทางตรงและทางอ้อม
เดือนตุลาคม 2562 นางสาวอรอร ได้ขายหุ้น บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC ทั้งหมด สัดส่วน 14.92% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งต่อมาในเดือนมิถุนายน 2563 หุ้น EIC เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W โดยกลุ่มเศษธะพานิช ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง
เดือนมิถุนายน 2563 นางสาวอรอร ได้ขายหุ้น บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX ที่ถือไว้ทั้งหมด สัดส่วน 7.75% โดยกลุ่มเศษธะพานิช เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทน
กลุ่มเศษธะพานิช เข้ามาถือหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวพันกับนายฉาย ช่วงที่นายสุพรรณ เศษธะพานิช อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน โซลาริส จำกัด ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อินโนเทค จำกัด ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษในความผิดทุจริตและแสวงหาประโยชน์จากการอนุมัติ “โซลาริส” ลงทุนในตัวสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว B/E) โดยตนเองหรือบุคคลอื่นได้ประโยชน์
ตั๋ว B/E ที่นายสุพรรณอนุมัติให้ “โซลาริส” เข้าไปลงทุน ส่วนใหญ่เกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ และนำไปสู่วิกฤตตั๋ว B/E เน่า เมื่อประมาณปี 2561
MAX เป็น 1 ใน 14 หุ้นที่นายฉายเคยถูกกล่าวโทษในความผิดปั่นหุ้น แต่ทั้ง 14 คดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยุคนายธาริษ เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดีสั่งไม่ฟ้องทั้ง 14 คดี
ปัจจุบัน MAX อยู่ในข่ายถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากไม่ส่งงบการเงินเกินกว่าที่กำหนด 6 เดือน และหุ้นถูกขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขาย โดยในวันที่ 2 กันยายน 2565 ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาการส่งงบการเงินได้ จะถูกพิจารณาเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน
นางสาวอรอรยังเป็นกรรมการ บริษัท เนชั่น บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC และถือหุ้นในสัดส่วน 2.29% ของทุนจดทะเบียน โดย NMG เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 71.45%
หุ้น NBC เพิ่งตกเป็นข่าวใหญ่ เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งลงโทษปรับนายภควัน วงษ์โอภาสี พร้อมพวกรวม 7 คน วงเงินรวม 6.26 ล้านบาท ในความผิดปั่นหุ้น NBC
นายภควันเป็นน้องชายของนางสาววทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คู่สมรสของนายฉาย ประธานกรรมการบริหาร NMG และประธานกรรมการ NBC
การที่นายภควันถูก ก.ล.ต.ลงโทษปรับ นำไปสู่การเรียกร้องให้กรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษีของนางสาววทันยา กรณีที่ให้กู้ยืมเงินแก่นายภควัน และมีรายรับจากดอกเบี้ยปีละกว่า 2 ล้านบาท รวมทั้งขยายผลการตรวจสอบเงินที่นางสาววทันยาให้นายภควันกู้มีการเชื่อมโยงกับคดีของ ก.ล.ต. หรือไม่
คดีการปั่นหุ้นของนายฉาย ไม่ถูกพูดถึงมาหลายปีแล้ว หลังจากคดี 14 หุ้นปั่นถูกตัดตอน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษและอัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่การที่ ก.ล.ต. สั่งลงโทษปรับนายภควัน ฐานปั่นหุ้น NBC ทำให้อดีตของนายฉายถูกรื้อฟื้น
ขณะที่นางสาวอรอรกำลังถูกจับตา เพราะเข้ามาซื้อหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวโยงกับนายฉาย และหุ้นกลุ่มนายฉายก็ถูกลากขึ้นสู่ความร้อนแรงในะยะเวลาเดียวกัน
นางสาวอรอร เป็นลูกสาวของนายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และไม่เป็นเพียงกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนกลุ่มนายฉายเท่านั้น
แต่ยังเป็นเด็กที่เติบโตในบ้านที่อยู่รั้วเดียวกันกับนายฉาย จึงสนิทสนมในฐานะเครือญาติใกล้ชิดกัน
ไม่ว่าเบื้องหลังการเข้าไปซื้อหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวโยงกับ NMG จะมีจัดประสงค์อะไร แต่ “อรอร อัครเศรณี” ก้าวขึ้นมาเป็นนักลงทุนรายใหญ่คนใหม่
และถูกจับตาในฐานะตัวละครใหม่หุ้นกลุ่ม “ฉาย บุนนาค” ขณะที่หุ้นกลุ่ม “ฉาย” ถูกปลุกให้กลับสู่ความร้อนแรงยกแผง จนน่าเป็นห่วงแมลงเม่านับหมื่นนับแสนรายที่อาจล้มตายกันอีก