เครื่องมือแพทย์-เวชภัณฑ์ดีมานด์พุ่ง หุ้น SMD-TM คึกรับโควิดระบาดยาว

เครื่องมือแพทย์-เวชภัณฑ์ดีมานด์พุ่ง หุ้น SMD-TM คึกรับโควิดระบาดยาว

  • 0 ตอบ
  • 85 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Jessicas

  • *****
  • 2373
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




โควิดระบาด ส่งผลให้ความต้องการเครื่องมือ-อุปกรณ์ทางการแพทย์รวมถึงยาเวชภัณฑ์พุ่งต่อเนื่อง ดันยอดขายสินค้า“ เทคโนเมดิคัล” และ “ เซนต์เมด” โต ผู้บริหารยิ้มพร้อมปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่ม ขณะราคาหุ้น SMD-TM คึก โบรกฯ แนะ ซื้อ

ต้องยอมรับว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น แม้ว่าส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคดังกล่าว แต่ในหลายภาคธุรกิจกลับได้รับผลดีจากสภาวะดังกล่าว และหนึ่งในนั้นไม่พ้นผู้ผลิต แอลกอฮอล์ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ แมส ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และอีกมากมายที่เกี่ยวเนื่องกัน ดังนั้น บริษัทที่ผลิตและขายสินค้าประเภทเหล่านี้ จึงคึกคักมาก

บริษัท จดทะเบียนหลายแห่งที่ได้รับผลดียิ้มรับ และปรับเป้าหมายรายได้ ตลอดจนการขยับขยายแผนงานการลงทุนเพื่อให้ทันความต้องการหรือดีมานด์ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง บริษัทขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai อย่าง บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต และบริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ TM มุ่งเน้นการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่กลุ่มโรงพยาบาลและร้านยาเวชภัณฑ์เป็นหลัก จึงรับอานิสงส์เต็มสูบ

โควิดไม่คลาย TM ยอดขายพุ่งต่อเนื่อง

TM หรือ บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) แม้ว่าเดิมนั้น จะมุ่งเน้นการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่กลุ่มโรงพยาบาลและร้านยาเวชภัณฑ์เป็นหลัก แต่เมื่อภาวะและ เพื่อการการเติบโตเพิ่มมากขึ้น TM ได้ตัดสินใจขยายฐานลูกค้าไปสู่ประชาชนทั่วไปหรือผู้บริโภครายย่อย โดยเปิดร้านค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ออนไลน์ภายใต้ชื่อแพลตฟอร์ม “TM CARE SHOP” อีกทั้ง ทั้งอุปกรณ์จำเป็นสำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ และผลิตจากโรงงานของบริษัทที่ได้รับมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งหลังจากที่ TM เปิดให้บริการร้านค้าออนไลน์ TM CARE SHOP ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี

นางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TM เผยว่าหลังโควิดระบาด อุปกรณ์ใช้สำหรับควบคุมการไหลของออกซิเจน (Oxygen High Flow) เครื่องผลิตออกซิเจนในความเข้มข้นที่สูง (Oxygen Concentrator) มีความต้องการมาก ในการดูแลผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 รวมไปถึงเครื่องฟอกอากาศ ดักจับฝุ่นป้องกันเชื้อโรค ซึ่ง TM ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสฯที่เจาะตลาด อย่าง สเปรย์พ่นจมูก (TAFFIX) สมุนไพรฟ้าทะลายโจร และ กระชายขาว ซึ่งทุกผลิตภัณฑ์ที่ TM เป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายอยู่ในกลุ่มประเภทป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งสิ้น เห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดังกล่าวยังดีมานด์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

นอกจากได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 (Antigen test kit) ซึ่งเริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีจุดเด่นของชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit ยี่ห้อ Humasis นั้นสามารถตรวจ Antigen โดยให้ความแม่นยำมากกว่า 90% ใกล้เคียงกับการตรวจแบบ Rt-PCR ที่มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือสูง พร้อมทั้งยังมีค่า Sensitivity อยู่ที่ 93-93.3% และมีค่า Specificity 99.1-100% โดยครอบคลุมการตรวจสอบได้เกือบทุกสายพันธุ์ โดย TM ขายทั้งในแบบ professional use และ home use ให้กลุ่มโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาลและโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงกลุ่มสมาคมร้านขายยาเวชภัณฑ์ และ กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ทำให้ยอดออเดอร์ Antigen test kit ดีมานด์พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ไตรมาส3/2564 TM มีรายได้จากยอดขายชัดเจน

“จากปัจจัยบวกในข้างต้นส่งผลให้บริษัท ฯ มั่นใจว่า ภาพรวม TM ตั้งแต่ในไตรมาส3 ปีนี้ มีโอกาสปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น พร้อมคงตั้งเป้าการเติบโตปี2564 ที่ 700 ล้านบาท และเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำและตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ครบวงจรอันดับต้นๆ ของประเทศ ” นางสุนทรีกล่าว

ทั้งนี้ สินค้าที่ TM มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดคือถุง สำหรับใช้เก็บสารคัดหลั่งระหว่างผ่าตัด ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าโรงพยาบาลรัฐอยู่ที่ 60% และลูกค้าโรงพยาบาลเอกชน 40% และมีแผนนำสินค้าใหม่ หรือเครื่องมือแพทย์ที่เกี่ยวกับสมองเข้ามาจำหน่าย เพราะมีมาร์จิ้นสูง จากปกติบริษัทจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้กับหัวใจ เป็นต้น

นอกจากนี้ TM ยังก่อสร้างโครงการ “The Parents” ของ บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด หรือ TMNC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ TM ล่าสุดมีความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการ “The Parents” ว่า ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้า The Parents ออกแบบก่อสร้างแล้วมากกว่า 95% คาดยื่นขออนุญาตก่อสร้างจากกรุงเทพมหานครได้เดือนตุลาคม 2564 และเปิดประมูลผู้รับเหมาก่อสร้างภายในพฤศจิกายน 2564 ก่อนจะก่อสร้างในเดือนมกราคม 2565

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการ The Parents Nursing Home นั้นขณะนี้คืบหน้า 30% โดยวางฐานราก วางโครงสร้างใต้ดิน และคานหลักของอาคาร และเริ่มขึ้นชั้น 1 ในเดือนกันยายนนี้แม้ก่อนหน้านี้ทางภาครัฐจะมีคำสั่งให้ปิดแคมป์คนงาน และหยุดก่อสร้าง 1 เดือน เพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่การวางแผนและการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพทำให้แผนการสร้างของ “The Parents” ยังคงเป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้น คาดทยอยเปิดให้บริการได้ภายในปี 2565

ทั้งนี้ หลังจาก “The Parents” เปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบแล้วคาดว่าสัดส่วนรายได้ธุรกิจของ TM จะมีการเปลี่ยนแปลง โดย “The Parents” จะมีสัดส่วนรายได้เป็น 20% ของรายได้รวม และจะเพิ่มกลุ่มลูกค้าเงินสดให้เพิ่มสูง ทำให้ TM มีกระแสเงินสดเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจที่มากขึ้น ส่งผลให้ฐานะทางการเงินของ TM แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

สำหรับ ธุรกิจในกลุ่ม “The Parents” มีธุรกิจหลัก ประกอบด้วย “โรงเรียนการบริบาล เดอะพาเร้นท์ส” เพื่อสร้างนักบริบาลสำหรับบริการผู้สูงอายุ รวมทั้ง “เดอะพาเร้นท์ส เนิร์สซิ่งโฮม” สำหรับบริการและดูแลผู้สูงอายุในทุกสภาวะของร่างกาย และ “โรงพยาบาลเวชศาสตร์ฟื้นฟู เดอะพาเร้นท์ส” สำหรับบริการดูแลผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไปที่มีภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต จากโรคหลอดเลือดในสมองหรือจากอุบัติเหตุ การบาดเจ็บจากการทำงานที่ต้องการฟื้นฟู และทำกิจกรรมบำบัดเพิ่มสมรรถนะของร่างกายที่ดีขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจ “The Parents” ใช้งบในการลงทุนก่อสร้าง 450 ล้านบาท และ TM ถือหุ้น 80% ส่วนที่เหลือ 20% ถือหุ้นโดยกลุ่มแพทย์

SMD นำเข้า-ขายชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 คึก

สำหรับ บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต นั้น เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับผลดีอย่างชัดเจนจากการเกิดระบาดของไวรัสโควิด-19 ล่าสุด ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้นำเข้าและวางจำหน่ายชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 แบบเร่งด่วน (SARS-CoV-2 Antigen Rapid Test) หรือ ATK แบรนด์ Baicare แล้ว ซึ่ง ATK มีค่า Positive Predictive Value หรือค่าความน่าจะเป็นที่จะติดเชื้อโควิดจริงเมื่อ ATK ให้ผลบวก และมีค่า Negative Predictive Value หรือค่าความน่าจะเป็นที่จะไม่ติดเชื้อโควิด เมื่อ ATK ให้ผลลบ อยู่ในระดับดีมาก โดยอ้างอิงจาก Clinical Validation Report หรือผลการทดสอบจากโรงเรียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย

ทั้งนี้ ชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 แบบเร่งด่วน (SARS-CoV-2 Antigen Rapid Test) จากผู้ผลิต Baicare (Tianjin) Biotechnology Co., Ltd. China เป็นชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 แบบเร่งด่วน (Antigen Rapid Test) ด้วยวิธีการเก็บตัวอย่างจากทางโพรงจมูก รู้ผลเร็วภายใน 15 นาที ถือเป็นการตรวจคัดกรองเบื้องต้นที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะทำให้เกิด Rapid Treatment หรือการรักษาพยาบาลมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้อัตราการแพร่กระจายเชื้อหรือการระบาดลดลงและสามารถลดอัตราการเสียชีวิตลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMD กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายชุดตรวจ ATK 100 ล้านบาท หรือมีมาร์เก็ตแชร์ในช่วง 1.5-2 % จากมูลค่าตลาดรวม 2,000 ล้านบาทต่อเดือน อ้างอิงจากความต้องการใช้ชุดตรวจ ATK มากกว่า 20 ล้านชุดต่อเดือน ซึ่งรัฐให้การสนับสนุนมาตรการทางภาษีให้ภาคเอกชนสามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปหักภาษีค่าใช้จ่ายได้ 150 % ทำให้แนวโน้มความต้องการชุดตรวจ ATK เพิ่มต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ SMD ได้ร่วมมือกับ ปตท. หรือ PTT จัดตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการวิกฤต (ICU) โครงการลมหายใจเดียวกัน บริเวณหน้าโรงพยาบาลปิยะเวท มูลค่าครุภัณฑ์การแพทย์ทั้งสิ้น 86.90 ล้านบาท และรับใบสั่งซื้อครุภัณฑ์การแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 สำหรับโรงพยาบาลสนาม “CP WHA & CHULARAT” ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ณ โครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ ชลหารพิจิตร จ.สมุทรปราการ มูลค่าครุภัณฑ์การแพทย์ ทั้งสิ้น 44.40 ล้านบาท รวมใบสั่งซื้อครุภัณฑ์การแพทย์สำหรับโรงพยาบาลสนามสองแห่ง มูลค่า 131.30 ล้านบาท

ทั้งนี้ แม้ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น แต่หลักการพื้นฐานของระบาดวิทยามักจะพบว่าจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิดขาลงมักจะมีจำนวนที่ใกล้เคียงกับขาขึ้นเสมอ จึงทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่มีอาการหนักในระดับสีส้ม และสีแดง ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก

สำหรับการ จัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ดังกล่าวนั้น SMD ขายให้กับ โรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลรัฐในสังกัดสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลรัฐในสังกัดกองทัพฯ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก นิติบุคคล และบุคคล มาเป็นระยะเวลามากกว่า 20 ปี มีฐานลูกค้าอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็พบว่าความต้องการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องมือแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีอาการหนักในระดับสีส้มและสีแดง

แม้ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ทำให้การตรวจคัดกรองผู้ป่วยเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากการเฝ้าระวังสังเกตอาการได้ด้วยตัวเองจากภายนอกแล้ว ปัจจุบันยังวัดผลได้จากค่าปริมาณความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (Oxygen Saturation) โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Fingertip Pulse Oximeter อีกทั้งเครื่องมือชนิดนี้ยังใช้ใน Home Isolation และ Community Isolation ด้วย

ดังนั้น จากสถานการณ์ดังกล่าว SMD จึงนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดจากปลายนิ้ว (Fingertip Pulse Oximeter) ที่ได้รับการอนุญาตให้นำเข้าจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้แก่โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ล่าสุด SMD ได้เซ็นสัญญาซื้อขายและส่งมอบเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด 10,000 เครื่อง มูลค่ารวม 8 ล้านบาท ให้กับกองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเซ็นสัญญาซื้อขายเพิ่มอีก 25,000 เครื่อง มูลค่า 20 ล้านบาท เมื่อต้นเดือนกันยายน กำหนดส่งมอบปีงบประมาณ 2564 รวมมูลค่าการสั่งซื้อ ทั้ง 2 สัญญา เป็นเงิน 28 ล้านบาท ซึ่งสนับสนุนมูลค่างานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) เพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท คาดรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดปีนี้ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2564 แตะ 1,200 ล้านบาท

“ความต้องการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องมือแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่ง SMD ได้ตระหนักถึงความต้องการ จึงได้นำเข้าเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดเพื่อจัดจำหน่ายให้แก่โรงพยาบาลรัฐ เอกชน นิติบุคคล และบุคคล รองรับความต้องการที่มีอย่างต่อเนื่อง ” ดร.วิโรจน์ กล่าว

โบรกฯแนะให้ "ซื้อ" SMD-TM

บล.เคทีบีเอสที แนะนำ "ซื้อ" SMD ให้ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท หลัง SMD ได้ใบสั่งซื้อครุภัณฑ์การแพทย์สำหรับโรงพยาบาลสนามสองแห่ง คือ รพ.บางปะกอก รพ.ปิยะเวท ร่วมกับบ PTT และ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ร่วมกับ CP และ WHA รวมมูลค่า 131.30 ล้านบาท ซึ่งรายการนี้ไม่ได้รวมอยู่ใน backlog 300 ล้านบาท คาดก่อนหน้านี้ โดยเครื่องมือแพทย์ที่ PTT ซื้อคือ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดสัญญาณชีพ ซึ่งบริษัทมีของในสต๊อกจะส่งมอบไตรมาส 3/2564

อย่างไรก็ดี เครื่องให้น้ำเกลือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่จะต้องสั่งนำเข้ามา และอาจจะส่งมอบในไตรมาส 4/2564 ส่วนด้าน WHA มีการสั่งซื้อเครื่อง high-flow คาดส่งมอบได้ไตรมาส 3/2564 เช่นกัน นอกจากนี้ด้านชุดตรวจ Rapid Test Kit เริ่มวางขายแล้ว และตัวเลขมาร์จิ้นของการขายชุดตรวจได้ใกล้เคียงเครื่องมือแพทย์อื่น ๆ

ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรไตรมาส 3/2564 อาจจะ surprise ตลาดได้อีกครั้ง หลังยอดขายทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถาณการณ์โควิดที่ยังมียอดติดเชื้อใหม่เหนือ 1 หมื่นคนต่อวัน ทั้งนี้ ยอดขายใหม่ที่ได้จาก PTT CP และ WHA จะช่วยชดเชยรายได้บางส่วนที่หายไป จากการส่งมอบสินค้า oxygen concentrator ไม่ทันราว 20 ล้านบาทในไตรมาส 3/2564

พร้อมกับ ปรับกำไรสุทธิปี 2564 เพิ่มขึ้น 12% อยู่ที่ 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยปรับรายได้ขึ้นมาที่ 1.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากยอดขายเครื่องมือแพทย์ ที่มีความต้องการสูง โดยใช้ในห้อง ICU, Semi ICU และโรงพยาบาลสนาม

นอกจากนี้ปรับกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 3% ที่ 198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมองว่าความต้องการเครื่องมือแพทย์จะยังคงมีสูง และเครื่องให้ออกซิเจน O2Flow สำหรับผู้ป่วยที่หายจากโควิดแล้ว แต่การอักเสบของปอดอาจทำให้เกิดพังผืดในระยะยาว นอกจากนี้คาดบริษัทจะมีรายได้เสริมจากการขายเครื่องกระตุกหัวใจหลังกฎหมายยังคับใช้ในไตรมาส 1/2565 ประกอบกับการขยายธุรกิจเครื่องมือแพทย์ ให้เช่า และ Sleep Lab ซึ่งจะทำให้บริษัทมี recurring income คาดมีสัดส่วน 10% ของรายได้รวม

โดย ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 20.00 บาท อิง PER ปี 2565 ที่ 22.0 เท่า (avg. peer 23.0 เท่า) คาดว่าปี 2564 จะเติบโตได้โดดเด่นหลังการ IPO ซึ่งทำให้มีเงินสดหมุนเวียนมากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถสต๊อกของเพื่อส่งมอบให้ทันต่อความต้องการเครื่องมือแพทย์อย่างเร่งด่วนช่วงวิกฤตโควิด ด้านปี 2565 บริษัทจะมีรายได้จากการขาย AED ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ให้เช่าและ Sleep lab โดยคาด EPS จะมี CAGR (2563-2566) เติบโตเพิ่มขึ้น 43% ซึ่งสูงกว่า avg. peer

บล.เอเชียเวลท์ ระบุภาพรวมการลงทุนช่วงนี้คาดว่า SET ยังคงปรับตัวผันผวน จึงยังคงแนะนำลงทุนในลักษณะ Selective จาก สัญญาณเชิงบวกต่อทิศทางการค้าโลก ดีต่อ Global Play และ ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับเพิ่ม ดีกับ Oil Play รวมถึงการ คลายล็อกดาวน์ ดีกับ Re-Opening และจากการที่ ครม.อนุมัติมาตรการช่วยเหลือด้วยด้านภาษี สำหรับการจัดหา ATK เร่งด่วน ฝ่ายวิจัยมองเป็นบวกต่อเครื่องมือแพทย์ เลือก TM, SMD, WINMED และ BJC พร้อมให้น้ำหนักหุ้นในกลุ่ม Earnings play เพื่อลดความผันผวนของ SET ที่จะเริ่มกลับมามีความเสี่ยงในช่วงปลายเดือน

จากข้อมูลข้างต้น ในสภาวะที่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่เพียงทำธุรกิจเครื่องมือและการแพทย์รวมถึงยาเวชภัณฑ์ต่าง ๆ คึกคัก เพราะยังมีหลายธุรกิจเช่นกันที่ได้รับผลดีต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักถึงขั้นต้องปิดหรือยกเลิกกิจการ ซึ่งเป็นวัฏจักร เพราะทุกอย่างย่อมมีบวกและลบเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน