สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

  • 0 ตอบ
  • 66 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Chanapot

  • *****
  • 3237
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 27 ก.ย.2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ หลังมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐฯ ชะลอตัวลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน ส.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.37 จุด เพิ่มขึ้น 71.37 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,443.11 จุด ลดลง 12.37 จุด หรือ -0.28% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,969.97 จุด ลดลง 77.73 จุด หรือ -0.52%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง ซึ่งบดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน แต่ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 วัน หลังผลการเลือกตั้งได้ลดโอกาสที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมฝ่ายซ้าย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 462.42 จุด ลดลง 0.87 จุด หรือ -0.19%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,650.91 จุด เพิ่มขึ้น 12.45 จุด หรือ +0.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,573.88 จุด เพิ่มขึ้น 42.13 จุด หรือ +0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,063.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด หรือ +0.17%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นโรลส์-รอยซ์ช่วยหนุนตลาดบวกขึ้นด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,063.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด หรือ +0.17%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะพุ่งขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 ต.ค.

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 75.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2561

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 79.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2561

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,752 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 26.9 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 22.694 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 1.7 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 981.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,947.70 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในวันนี้

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.06% แตะที่ 93.3812 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.01 เยน จากระดับ 110.78 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9259 ฟรังก์ จากระดับ 0.9250 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2622 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2660 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1698 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1716 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3708 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3660 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7286 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 34,869.37 จุด เพิ่มขึ้น 71.37 จุด, +0.21%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,443.11 จุด ลดลง 12.37 จุด, -0.28%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,969.97 จุด ลดลง 77.73 จุด, -0.52%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,063.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด, +0.17%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,650.91 จุด เพิ่มขึ้น 12.45 จุด, +0.19%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,573.88 จุด เพิ่มขึ้น 42.13 จุด, +0.27%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 60,077.88 จุด เพิ่มขึ้น 29.41 จุด, +0.05%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,122.50 -22.32 จุด, -0.36%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,533.05 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด, +0.06%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,956.26 จุด เพิ่มขึ้น 4.73 จุด, +0.07%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,100.30 จุด เพิ่มขึ้น 38.95 จุด, +1.27%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,208.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.62 จุด, +0.07%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,582.83 จุด ลดลง 30.24 จุด, -0.84%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,313.77 จุด เพิ่มขึ้น 53.58 จุด, +0.31%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,133.64 จุด เพิ่มขึ้น 8.40 จุด, +0.27%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 30,240.06 จุด ลดลง 8.75 จุด, -0.03%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,384.20 จุด เพิ่มขึ้น 41.60 จุด, +0.57%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,690.70 จุด เพิ่มขึ้น 41.40 จุด, +0.54%