ECFตั้งเป้ารายได้ปี65พุ่ง10-12% เจาะตลาดอินเดีย-ตะวันออกกลางเพิ่ม

ECFตั้งเป้ารายได้ปี65พุ่ง10-12% เจาะตลาดอินเดีย-ตะวันออกกลางเพิ่ม

  • 0 ตอบ
  • 69 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Chanapot

  • *****
  • 3237
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค ตั้งเป้าปี65 ฟันรายได้โต10-12% เหตุมีออร์เดอร์เฟอร์นิเจอร์ล่วงหน้าเพียบทั้งญี่ปุ่น สหรัฐฯ อินเดีย และเร่งหาพาร์ทเนอร์เจาะตลาดในตะวันออกกลาง พร้อมเรียกร้องรัฐยกเลิกเคอร์ฟิวในจังหวัดอื่นๆ เพื่อให้โรงงานกลับมาผลิตและส่งออกได้ตามปกติ

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด(มหาชน) (ECF) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2565 เติบโตขึ้น 10-12% หลังจากมีคำสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ล่วงหน้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นทั้งญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และโดยเฉพาะอินเดียที่มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% ของรายได้รวม บริษัทมองหาพันธมิตรเพิ่มในตะวันออกกลางเพื่อเจาะตลาด จากการประเมินทิศทางเศรษฐกิจในตะวันออกกลางปีหน้าจะกลับสู่ภาวะปกติ

ขณะที่ตลาดในไทยก็คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19จะคลี่คลายมากขึ้น หลังรัฐยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้โรงงานกลับมาผลิตได้เต็มที่และการขนส่งสามารถทำได้ตามปกติ โดยลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทผลิตและส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ตามคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายช่องทางการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์เพิ่มเติมผ่าน SoMeWa Plaza ในช่วงไตรมาส1 /2565 จากปัจจุบันมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์หลายทางทั้งShopee และLazada รวมทั้งจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดด้วย โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากการส่งออกต่างประเทศ 64%และในประเทศ 34% ทำให้บริษัทได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

นายอารักษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเมียนมาว่า บริษัทได้ลงทุนร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ขนาด220เมกะวัตต์ที่เมียนมา ซึ่งเฟสแรกมีกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ได้จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว และยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกเฟส 2-4 โดยยอมรับว่าปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19ในเมียนมาส่งผลต่อการก่อสร้างทำให้ต้องล่าช้าไปบ้าง แต่คาดว่าโรงไฟฟ้ามินบูเฟส2จะCODได้ไตรมาส2/2565 และเฟส3ในปลายปี2565

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี2564 บริษัทมั่นใจว่ามีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-12% เนื่องจากครึ่งหลังปี 2564 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ขณะที่ตลาดในประเทศยอมรับว่าไตรมาส3 นี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้โรงงานไม่สามารถผลิตและขนส่งสินค้าได้ในช่วงเคอร์ฟิว ดังนั้นจึงอยากขอให้รัฐยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิวในจังหวัดที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ส่วนปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ได้คลี่คลายระดับหนึ่ง แต่ค่าระวางขนส่งสินค้ายังสูงอยู่เป็นภาระต่อผู้ประกอบการ