พม่ากำลังเผชิญกับสงครามทั้งบนท้องถนนและในตลาดเงิน หลังรัฐบาลเงาของ NLD ประกาศสงคราม ค่าเงินถูกทุบหนักจาก 1,700 ไหลทะลุ 2,000 จั๊ตต่อดอลลาร์ ธนาคารกลางสู้ เทขายดอลลาร์ออกมาแล้ว 3 ครั้ง รวม 38 ล้านดอลล์ แต่ยังพยุงไม่อยู่
เมื่อวานนี้(20 ก.ย.)
ธนาคารกลางเมียนมา(CBM) ได้ขายดอลลาร์เข้าสู่ตลาดเงินด้วยวิธีการประมูลอีก 15 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการขายเงินดอลลาร์ออกมาเป็นครั้งที่ 3 สำหรับเดือนนี้ รวมเงินดอลลาร์ที่ CBM ขายออกมาแล้วทั้งสิ้น 38 ล้านดอลลาร์ เฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์ หลังจากวันที่ 7 กันยายน
วันที่ 7 กันยายน รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) หรือรัฐบาลเงาของสมาชิกพรรค NLD ได้การประกาศทำสงครามกับรัฐบาลทหาร ส่งผลให้ค่าเงินจั๊ตผันผวนอย่างหนัก จากช่วงก่อนหน้านั้นที่ CBM พยายามควบคุมค่าเงินจั๊ตให้เคลื่อนไหวในระดับเฉลี่ย 1,650 จั๊ตต่อ 1 ดอลลาร์ แต่หลังประกาศสงครามค่าเงินจั๊ตได้ไหลลงจนทะลุระดับ 2,000 จั๊ต และลงไปต่ำสุดที่ 2,100 จั๊ตต่อดอลลาร์ เมื่อวันที่ 13 กันยายน
ธนาคารกลางเมียนมา (ภาพจาก Eleven Media Group)
ธนาคารกลางเมียนมา (ภาพจาก Eleven Media Group)
CBM ได้ประกาศราคากลางและพยายามควบคุมค่าเงินจั๊ตให้กลับขึ้นมาอยู่ในระดับ 1 ดอลลาร์ต่อ 1,750 จั๊ต โดยเริ่มขายดอลลาร์ออกมาในตลาดครั้งแรกในวันที่ 13 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่เงินจั๊ตอ่อนค่าลงไปต่ำสุด 15 ล้านดอลลาร์ จากนั้นได้ขายออกมาอีก 8 ล้านดอลลาร์ ในวันที่ 15 กันยายน และขายครั้งที่ 3 ออกมาเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ตาม CBM ไม่สามารถต้านทานความต้องการดอลลาร์ในตลาดที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้
สำนักข่าว BETV Business รายงานอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะเงินดอลลาร์ ตามราคาตลาดของธนาคารพาณิชย์ในเมียนมาช่วงเช้าวันนี้ จากอัตรากลางที่ CBM ประกาศไว้ดอลลาร์ละ 1,750 จั๊ต แต่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อที่ดอลลาร์ละ 1,970 จั๊ต และขายที่ 2,000 จั๊ต
ก่อนการรัฐประหาร ค่าเงินจั๊ตเคลื่อนไหวระหว่าง 1,327-1,345 จั๊ตต่อดอลลาร์ในเดือนมกราคม แต่หลังจากกองทัพพม่าทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เงินจั๊ตผันผวนและอ่อนค่าลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ค่าเงินจั๊ตถือว่าไหลลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่สุด หลังจากวันที่ 7 กันยายน
นับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ จนถึงเมื่อวานนี้ CBM ได้เข้าแทรกแซงค่าเงินทุกเดือน โดยขายดอลลาร์ออกมาแล้วหลายครั้ง คิดเป็นวงเงินรวม 159.8 ล้านดอลลาร์