“ติ๊ก ชีโร่” โอดเสียดแทงความรู้สึก ชาวเน็ตให้พาลูกสาวไปตรวจดีเอ็นเอ

“ติ๊ก ชีโร่” โอดเสียดแทงความรู้สึก ชาวเน็ตให้พาลูกสาวไปตรวจดีเอ็นเอ

  • 0 ตอบ
  • 81 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Jessicas

  • *****
  • 2373
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




“ติ๊ก ชีโร่” เสียดแทงความรู้สึกมาก หลังชาวเน็ตแนะให้พาลูกสาวไปตรวจดีเอ็นเอ ทำให้มีผลกระทบต่อความรู้สึกเป็นวงกว้างทั้งกับครอบครัวและคนรอบข้าง และเรื่องนี้ยังกลายเป็นประเด็นติดตัวตนไปด้วย ทั้งๆ ตลอดเวลาในวงการบันเทิงตนภาพลักษณ์ดีมาโดยตลอด ยันที่บ้านไม่มีคนสวน และบ้านไม่มีสวน

ออกมาเคลียร์ไปแล้วรอบนึงว่าไม่ใช่นักร้องขาแดนซ์ที่เมียแอบแซ่บกับคนสวน แต่ดูเหมือนเรื่องจะยังไม่จบ เพราะชาวเน็ตยังไม่เลิกคาใจ แนะให้นักร้องดังเอาลูกสาวไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นลูกของตัวเองจริงๆ งานนี้ทำเอา “ติ๊ก ชีโร่” ทนไม่ไหว เปิดใจกับวันบันเทิง เพราะประเด็นนี้มีผลกระทบกับครอบครัวและคนรอบข้างตนเป็นอย่างมาก

“ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร บอกตรงๆ ว่าอยู่ในวงการนี้มาพอสมควร ได้เห็นอะไรมาพอสมควร เลยคิดว่าเป็นเรื่องหยุมหยิม แต่ตอนหลังเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนมีผลกับสมาชิกในครอบครัวก็เลยออกมาชี้แจง เราไม่มีคนสวนและที่บ้านเราไม่มีสวน ถึงจะมีบ้าน 3 หลัง แต่ไม่มีสวนสักหลัง อันนี้ต้องขอแจ้งให้ทราบ

คือแค่เรื่องข่าวมันแค่นี้ แต่เริ่มขยายผลเรื่อยๆ ผมเริ่มคิดถึงคุณพ่อคุณแม่และภรรยา ตอนนี้มาถึงลูกแล้วที่อยู่ในวัยเรียนก็จะมีคำถาม ซึ่งมันส่งผลกระทบเป็นอย่างมากกับครอบครัว สมาชิกในครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัดก็คงจะรู้สึกแปลกใจและเสียใจ มันมีผลกระทบกับความรู้สึก”

เรื่องชาวเน็ตแนะให้เอาลูกสาวไปตรวจอีเอ็นเอกระทบความรู้สึกครอบครัวและคนรอบข้างมาก
“ที่เขาบอกจะให้ลูกสาวไปตรวจดีเอ็นเอเพราะเป็นลูกของคนสวนหรือเปล่า กลายเป็นประเด็นที่มันเสียดแทงความรู้สึกมาก ผมเลี้ยงลูกมาตอนลูกคลอดผมไม่ได้เอากล้องไปถ่าย เพราะแค่รู้สึกว่าความรักความห่วงใย คงไม่มีภาพไม่สวยงาม แต่บางคนมีเก็บไว้แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน

เรื่องลูกคงไม่ใช่ผมคนเดียวที่มีความรู้สึก คนรอบข้างก็รู้สึก ครั้งนี้เขาเขย่าแรงมาก ทำให้มีผลกระทบในมุมกว้าง ซึ่งมันไม่ดีเลย ผมกับภรรยายังรักกันดีอยู่ และมีแผนจะเดินทางไปต่างประเทศ มีสัญญาว่าจะพากันไปเที่ยว”

นอกจากนั้นยังมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ของตนด้วย กลายเป็นว่าเรื่องนี้ติดตัวตนไปในระยะยาวโดยที่ตนไม่สามารถแสดงความบริสุทธิ์ใจออกมาได้
“ผมร้องเพลงมา 35-36 ปี พอมีข่าวแบบนี้ออกมาก็ทำให้คนจำและข่าวนี้ก็ติดตัวผมไป มันไม่แฟร์ในสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันกลายเป็นภาพจำที่ทำให้ผมและสมาชิกในครอบครัวเป็นแบบนั้นไปแล้ว ทำให้คุณพ่อคุณแม่ของผมเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้

ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจ บางครั้ง บางสิ่ง บางอย่าง มันมีผลกระทบระยะยาวและแรงกระเพื่อมต่อความรู้สึกของคน ผมก็บอกลูกๆ ให้สู้ๆ อดทน มันมีมาแบบนี้ เราไม่สามารถไปตอบโต้หรือแสดงความบริสุทธิ์ออกมาได้ เราเพิ่งเจอความทุกข์ระทมความเศร้ามามากพอสมควรแล้ว พอมาเจอแบบนี้ก็เหมือนเป็นการซ้ำเติมกันเข้าไปใหญ่ อย่าให้มันมากไปกว่านี้เลย ขอบคุณครับ”