ททท.ประจวบฯ มั่นใจ เปิดเมืองหัวหิน รับต่างชาติส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ

ททท.ประจวบฯ มั่นใจ เปิดเมืองหัวหิน รับต่างชาติส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ

  • 0 ตอบ
  • 66 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

dsmol19

  • *****
  • 2466
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




นายอิศรา สถาปนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ จ.ประจวบฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อน 5 แผนรองรับการเปิดเมืองหัวหินรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแบบไม่ต้องกักตัว ได้แก่ แผนการกระจายวัคซีนและสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยของคนในพื้นที่ แผนพัฒนาเมืองระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

เพื่อตอบสนองพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ แผนการตลาดและการสื่อการตลาด แผนเผชิญเหตุและแผนบริหารความเสี่ยง และแผนการสร้างความเข้าใจให้คนในพื้นที่และนอกพื้นที่ยอมรับการเปิดเมือง ซึ่งจะมีการเสนอทั้ง 5 แผนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ ก่อนเสนอไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หรือ ศบค.

พร้อมกันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเร่งจัดทำคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงานหรือ SOP เพื่อควบคุมดูแลการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติที่เดินทางมาหัวหินภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยจะใช้ต้นแบบของ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ภูเก็ต นำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เชื่อว่าจะสามารถเปิดการท่องเที่ยวได้ทันในวันที่ 1 ต.ค.64 เพราะประชาชนในพื้นที่ อ.หัวหิน จะได้รับวัคซีนโควิดครบ 2 เข็มเกินร้อยละ 70 ภายในเดือน ก.ย.นี้ตามเป้าหมาย

ส่วนข้อกังวลกรณีผู้ประกอบการโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่หัวหินยังได้รับมาตรฐาน SHA ไม่มากเท่าที่ควรนั้น ขณะนี้ได้เร่งจูงใจผู้ประกอบการให้สมัครขอรับการประเมินรับรองมาตรฐานดังกล่าวโดยเร็วเพราะถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะโรงแรมจะมีการนำข้อมูลโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานบรรจุไว้ในระบบการจองห้องพักเนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องเข้าพักในโรงแรมที่ได้มาตรฐานเท่านั้น

โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง มีสถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน SHA แล้วจำนวนกว่า 200 แห่ง ส่วนสถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน SHA++ คือพนักงานได้รับวัคซีนเกินร้อยละ 70 มีจำนวนกว่า 20 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงแรม

ผู้อำนวยการการ ททท. สำนักงานประจวบฯ กล่าวอีกว่า การเปิดเมืองหัวหินรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถือเป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรกของ จ.ประจวบฯ มีการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวควบคุม 2 ตำบลในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน คือ ต.หัวหิน และ ต.หนองแก พื้นที่ 83 ตารางกิโลเมตร ในอนาคตหากประเมินแล้วสามารถที่จะบริหารจัดการความเสี่ยงได้ก็จะมีการขยายการท่องเที่ยวไปยังอำเภออื่นๆ ต่อไป

โดยมีปัจจัยสำคัญคือประชาชนต้องได้รับวัคซีนอย่างครอบคลุมก่อน พร้อมกันนี้ จะต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้มีความเชื่อมั่นต่อมาตรการของรัฐเพราะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR ถึง 3 ครั้ง หากเปิดการท่องเที่ยวที่หัวหินได้จะทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ขยายตัวอย่างมากเพราะอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่คาดว่าจะเดินทางมามากคือกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปแถบสแกนดิเนเวีย จีน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์

ส่วนกรณีที่สายการบินหลายแห่งให้ความสนใจเปิดเที่ยวบินตรงมาลงที่ท่าอากาศยานหัวหิน เบื้องต้นทราบว่าเป็นสายการบินที่มีระยะเวลาทำการบิน 5-6 ชั่วโมงจากประเทศในอาเซียน ฮ่องกง ถือเป็นโอกาสดีและจะเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยว ไม่จำเป็นต้องไปลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วเดินทางต่อมาที่หัวหิน

ด้านนายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม กก.ผจก.ผู้จัดการบริษัทรถหัวหิน จำกัด ในฐานะผู้ประกอบการให้บริการรถสี่ล้อเล็กรับจ้าง ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน กล่าวว่าเหลือเวลา ไม่ถึงครึ่งเดือนจะมีการเปิด เมืองหัวหิน รับท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งก็ยอมรับว่าจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว ในพื้นที่แต่คงจะไม่เหมือนเมื่อก่อนก็ตาม อย่างน้อยก็จะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆที่ต้องหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว ได้มีโอกาสลุกขึ้นมาอีกครั้ง

โดยยอมรับว่าที่ผ่านมา รถตุ๊กๆ รถสีล้อเล็ก รถแท็กซี่และรับจ้างต่างๆ ก็หยุดกันไป ส่งผลกระทบต่อครอบครัว รถรับจ้างจอดมานานหลายเดือน เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะใช้บริการ แต่อย่างไรก็ตามจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา มากน้อยขนาดไหนขึ้นอยู่กับการสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวรู้ว่า เมืองหัวหิน ทั้งผู้ประการ ประชาชน มีการฉีดวัคซีนน่าจะได้ 70เปอร์เซ็นต์ในเดือนตุลาคม นี้แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนก็ต้องคงมาตรการด้านสาธารณสุขดูแลตนเองเหมือนเดิม