คลังกู้เพิ่ม7.2หมื่นล./เยียวยาคนจนรอบใหม่

คลังกู้เพิ่ม7.2หมื่นล./เยียวยาคนจนรอบใหม่

  • 0 ตอบ
  • 75 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Jessicas

  • *****
  • 2373
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




เมื่อวันที่ 13 ก.ย.64 รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของเดือนก.ย.64 กระทรวงการคลังมีแผนจะเร่งกู้เงินในส่วนของ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพิ่มเติมอีก 72,313 ล้านบาท เพื่อให้มีวงเงินกู้ครบถ้วนตามกรอบโครงการที่ได้รับการเห็นชอบจาก ครม.วงเงิน 980,826 ล้านบาท หรือคิดเป็น 98% ของวงเงินกู้ 1 ล้านล้าน เนื่องจากในเดือนก.ย.นี้ จะเป็นเดือนสุดท้ายที่คลังมีอำนาจกู้เงินได้ตามที่กฎหมายระบุไว้ ส่วนการกู้เงินตามพ.ร.ก.กู้เงินฉบับใหม่ 5 แสนล้านบาท คลังได้เริ่มทยอยกู้ไปแล้ว 7.4 หมื่นล้านบาท

"ปัจจุบันคลังกู้เงินตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านไปแล้ว 908,513 ล้านบาท ยังไม่ครบกรอบวงเงินโครงการที่ ครม.อนุมัติ ดังนั้นสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) จะต้องมีหน้าที่กู้ซื้อหวยออนไลน์ให้ครบตามโครงการที่อนุมัติไว้ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยวิธีการกู้เงินจะไม่มีการเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ แต่จะใช้เครื่องมือการกู้เป็นพันธบัตรรัฐบาล และตั๋วสัญญาใช้เงิน (พี/เอ็น)"

ส่วนการเบิกใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน ขณะนี้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว 849,466 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณเยียวยา แต่หลังจากนี้โครงการต่างๆทั้งเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจ หรือด้านสาธารณสุข ยังมีเวลาที่จะสามารถเบิกใช้จ่ายได้จนถึงสิ้นเดือนธ.ค.64 ซึ่งได้ยินว่ามีอีกหลายโครงการที่เตรียมจะเบิกใช้ในเร็วๆนี้ โดยเฉพาะงบด้านสาธารณสุข

"ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ได้ให้อำนาจกระทรวงการคลังสามารถกู้เงินได้จนถึง 30 ก.ย.นี้ และให้โครงการที่จะขอใช้เงินจะต้องผ่านการเห็นชอบจาก ครม.ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ด้วย ส่วนโครงการที่ผ่าน ครม.ไปแล้ว ยังมีสิทธิเบิกใช้เงินได้ไปจนถึงสิ้นปีปฏิทิน อย่างไรก็ตามกรณีมีบางโครงการที่ล่าช้าเบิกจ่ายงบไม่ทัน ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ หรือทำไม่ได้ตามแผนนั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่จะมีการทบทวนปรับปรุงการใช้จ่าย หรือตัดงบบางโครงการให้เกิดความเหมาะสมได้" แหล่งข่าว กล่าว

ด้าน นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศค.ได้เตรียมพร้อมสำหรับแผนงานเกี่ยวกับการเปิดรับลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับสวัสดิการรัฐเพิ่มเติม(ผู้ถือบัตรคนจน) ซึ่งระยะเวลาที่จะเปิดให้ลงทะเบียนนั้น จะขึ้นอยู่กับระดับนโยบาย โดยแผนงานดังกล่าวจะต้องมีการนำเสนอเข้าสู่คณะกรรมการประชารัฐที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานและเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในลำดับถัดไป ซึ่งก็คงจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้

ผอ.สคค. กล่าวว่า การลงทะเบียนครั้งนี้ จะเป็นการเปิดให้มีการลงทะเบียนทั้งในส่วนของผู้ถือบัตรคนจนเดิมและเปิดรับรายใหม่ เพื่อคัดกรองผู้มีสิทธิถือบัตรคนจน เนื่องจาก ขณะนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อาจมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจนต้องขอรับสวัสดิการรัฐเพิ่มเติม

ADVERTISEMENT


"เมื่อครั้งที่เราเปิดให้มีการลงทะเบียนรับบัตรคนจนในรอบแรก เราก็ตั้งเป้าหมายว่าเมื่อเราส่งเสริมการประกอบอาชีพ และอุดหนุนมาตรการต่างๆ จากภาครัฐ จะทำให้เรามีคนมีรายน้อยที่ขอรับสวัสดิการรัฐลดลง แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นระยะ 2 ปีนี้ ก็อาจทำให้ไม่เป็นไปตามที่คาด"

อย่างไรก็ดี การเปิดให้ลงทะเบียนรอบนี้ เราจะใช้เกณฑ์รายได้ครอบครัวมาเป็นตัวชี้วัด ซึ่งก็อาจจะช่วยคัดกรองบุคคลที่ไม่สมควรได้รับสวัสดิการรัฐได้มากขึ้น ซึ่งเกณฑ์รายได้ครอบครัวที่ว่านี้ จะต้องรอการพิจารณาในระดับนโยบายก่อน

ทั้งนี้ สำหรับหน่วยงานที่จะทำหน้าที่ในการรับลงทะเบียน เบื้องต้น จะเป็นแบงก์รัฐ ส่วนสวัสดิการรัฐที่จะได้เพิ่มเติมนั้น ในครั้งนี้ เรายังไม่ได้มีการพิจารณา ซึ่งต้องรอให้มีการลงทะเบียนเรียบร้อยก่อน