SUPER ดึงพันธมิตรขยายโรงไฟฟ้าเวียดนาม ศึกษาตั้งโรงไฟฟ้ารองรับเหมืองบิตคอยน์

SUPER ดึงพันธมิตรขยายโรงไฟฟ้าเวียดนาม ศึกษาตั้งโรงไฟฟ้ารองรับเหมืองบิตคอยน์

  • 0 ตอบ
  • 73 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Hanako5

  • *****
  • 1982
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์ปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยว่า แผนการลงทุนในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศเวียดนามเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะอยู่ในช่วงการเจรจาเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม แผนการขยายงานเพิ่มเติมในประเทศเวียดนาม บริษัทยืนยันว่าจะไม่ใช้แนวทางการเพิ่มทุน เนื่องด้วยมี 2 วิธีในการหาเงินทุน คือ การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเพื่อนำเงินมาสร้าง และการหาพันธมิตรในการขยายงาน

นอกจากนั้น นายจอมทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีคนเข้ามานำเสนอในเรื่องของการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า และ SUPER ยังไม่มีนโยบายชัดเจน แต่เนื่องด้วยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 100% เพื่อขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) แต่หากมีผู้ที่สนใจต้องการเข้ามาซื้อไฟฟ้าโดยตรงในอนาคตเพื่อรองรับการสร้างเหมืองขุดบิตคอยน์ บริษัทก็สามารถสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อรองรับได้

นายจอมทรัพย์ ยังเปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 65 ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตแตะ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท จากกำลังการผลิตที่จะเข้ามาเพิ่มอีกในโครงการ SPP Hybrid กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าขยะ จ.หนองคาย กำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่เมือง Bac Lieu ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 141 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ในปีหน้าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1,779.32 เมกะวัตต์

ส่วนปี 64 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตเป็น 9,100-10,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 1,536.32 เมกะวัตต์ และเตรียมจะ COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่เมือง SocTrang และ GaiLai ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 80 เมกะวัตต์ ภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลงานในปี 64 สามารถทำสถิติสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง

"ในช่วงครึ่งปีหลังนี้แนวโน้มธุรกิจยังอยู่ในทิศทางที่ดี มั่นใจว่าจะสามารถผ่านพ้นกับวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ไปได้ โดยโครงการวินด์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม เฟสแรก 80 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม ล่าสุดมีการติดตั้งกังหันลมกว่า 90% ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถ COD ได้ตามกำหนด ประกอบกับยังคงทยอยรับรู้รายได้จากโครงการเดิมเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์ม โรงไฟฟ้าขยะ ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มขึ้น และสนับสนุนการเติบโตของรายได้ในปีนี้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด" นายจอมทรัพย์ กล่าว

ปัจจุบัน SUPER มีพอร์ตโครงการโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วมากกว่า 100 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,536.32 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตในประเทศ 699.6 เมกะวัตต์ และต่างประเทศ 836.7 เมกะวัตต์ โดยบริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 1,779.32 เมกะวัตต์ ในปี 65 และ 1,995.32 เมกะวัตต์ภายในปี 66 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือมาอยู่ที่ 13,604 ล้านบาท