DELTA ลั่นไม่มีแผนเพิ่มฟรีโฟลท ชี้ราคาหุ้นพุ่ง เหตุนักลงทุนมั่นใจ

DELTA ลั่นไม่มีแผนเพิ่มฟรีโฟลท ชี้ราคาหุ้นพุ่ง เหตุนักลงทุนมั่นใจ

  • 0 ตอบ
  • 71 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Jessicas

  • *****
  • 2373
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ส.ค.-3 ก.ย.2564) บวก 29.89% หรือ 168 บาท จาก 562 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 730 บาทต่อหุ้น สอดคล้องกับช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (4 ส.ค.-3 ก.ย.) บวก 21.66% หรือ 130 บาท จาก 600 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 730 บาทต่อหุ้น ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (4 ม.ค.-3 ก.ย.) DELTA บวก 43.13% หรือ 220 บาท จาก 510 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 730 บาทต่อหุ้น

นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ราคาหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีมูลค่าการซื้อขายคึกคัก ยืนยันว่าไม่มีประเด็นหรือปัจจัยใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยคาดว่าการปรับขึ้นของราคาหุ้น ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากที่ตลาดหุ้นไทยมีทิศทางการเคลื่อนไหวที่ดี และผู้ถือหุ้นมีความมั่นใจต่อธุรกิจของบริษัท


นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าบริษัทไม่มีนโยบายเพิ่มสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Lottovip Float) ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแตกพาร์ หรือวิธีการให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้น  การเพิ่มทุน ฯลฯ เพราะไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่ม จากที่กระแสเงินสดของบริษัทยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงมั่นใจว่าบริษัทได้ทำตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดเอาไว้แล้ว

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ยังมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง จากการเข้าลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในอนาคต เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี 5G เมนเฟรม และโซลาร์เซลล์ ฯลฯ โดยในส่วนของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล บริษัทย้ำว่าเป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์จำหน่ายไฟฟ้า (Power Supply) เท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นผู้ลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตนเอง


“ผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือจะยังเติบโตได้ตามแผนงาน โดยคงเป้าหมายรายได้ปี 2564 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เพราะได้ปัจจัยหนุนจากธุรกิจใหม่ที่เข้าไปลงทุน ทั้งธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยี 5G และเครือข่าย เหล่านี้เมื่อเข้าไปแล้วช่วยส่งเสริมการเติบโตของบริษัทได้อย่างมาก และเชื่อว่าในอนาคตธุรกิจที่เรามีส่วนร่วมจะยังสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ของปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,655 ล้านบาท ลดลง 17.9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,412.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% ขณะที่เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานอยู่ที่ 1,073.38 ล้านบาท ลดลง 58.9% และเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 8,573 ล้านบาท ลดลง 38.2% จากการลงทุนเพิ่มและการจ่ายปันผล โดยมีสัดส่วนจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยจากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 5 มี.ค.2564 อยู่ที่ 22.35%