นายวราวุธ นาถประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลกระทบโรคโควิด-19 ระบาด ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการส่งพัสดุทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยเฉพาะด้านสุขอนามัยของพนักงานและลูกค้า บริษัทจึงต้องเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยทั้งศูนย์กลางคลังสินค้าหรือฮับดีซี จุดรับส่งพัสดุต่างๆ หน้าร้านต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในการบริการ รวมถึงการป้องกันไม่นำเชื้อไวรัสไปสู่ลูกค้า
นอกจากนี้ การระบาดของไวรัสทำให้
พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาชอปปิงออนไลน์ อีคอมเมิร์ซมากขึ้น บริษัทจึงต้องขยายธุรกิจให้ทันความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น ด้วยการเพิ่มสปีดในการขยายฮับการส่งพัสดุให้เกิดภายใน 1 เดือน จากปกติใช้เวลา 3 เดือนจึงจะแล้วสร็จ โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มชอปปิงอีคอมเมิร์ซจะบูมต่อเนื่อง เพราะเป็นไฮซีซั่นที่มาร์เก็ตเพลสยักษ์ใหญ่จะจัดมหกรรมลดราคา เช่น 9 เดือน 9, 10 เดือน 10 และ 11 เดือน 11 เป็นต้น
“เทศกาล 9.9 หรือ 10.10 ทำให้ผู้บริโภคชอปปองอีคอมเมิร์ซมากขึ้น เราต้องเร่งขยายกำลังการรับส่งพัสดุให้ทันความต้องการ”
นอกจากนี้ กลยุทธ์การขยายธุรกิจช่วง 4 เดือนสุดท้าย จะเห็นบริการใหม่ๆตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น เช่น เคอรี่ คูล การขนส่งสินค้าบริการแบบควบคุณอุณหภูมิ จะเปิดตัวไตรมาส 4 ปัจจุบันอยู่ระหว่างจับมือพันธมิตรพัฒนาธุรกิจ และเคอรี่ แอลทีแอล(LTL) การส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากและขนาดใหญ่(เบาท์) เกิน 30 กิโลกรัม(กก.)ขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆมากขึ้น
ด้านนายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยังย้ำกลยุทธ์เดิม EXPRESS ในการขยายธุรกิจผลักดันการเติบโต ได้แก่ E: Express มุ่งรักษาการเป็นผู้นำในธุรกิจหลักคือการส่งพัสดุให้แข็งแกร่ง รับตลาดอีคอมเมิร์ซ ชอปปิงออนไลน์ โซเชียลคอมเมิร์ซโตแรง P:Partnership ผนึกพันธมิตรสร้างโมเดลธุรกิจให้เกิดการ win-win ทุกฝ่าย R:Retail ยึดลูกค้ารายย่อยเป็นศูนย์กลางหรือ 2C ทั้งธุรกิจร้านค้าไปสู่ลูกค้า(B2C) และการส่งพัสดุจากบุคคลถึงบุคคล(C2C) ถือเป็นสัดส่วนลูกค้าใหญ่รวม 98% ขณะที่ลูกค้าภาคองค์ธุรกิจ(B2B)มีเพียง 2% เท่านั้น
E:Expansion ขยายขอบเขตธุรกิจทั้งแนวราบและดิ่ง หาสิ่งที่ซีนเนอร์ยีธุรกิจหลัก ต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจใหม่ ซื้อกิจการ เพิ่มมูลค่าธุรกิจ S:System นำเทคโนโลยีพัฒนาบริการตอบสนองลูกค้า และ S:Sustainability ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนรอบด้าน
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าสร้างความหลากหลายให้ธุรกิจหรือไดเวอร์ซิไฟ เพื่อกระจายความเสี่ยง ที่ผ่านมามีการเปิดตัวเคอรี่มีเดีย ใช้พื้นที่รถ หน้าร้าน คลังสินค้า เพื่อสื่อสารการตลาด โปรโมทสินค้าให้พันธมิตร มีเคอรี่ แคนเซลล์(Kerry Can-sell) เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้า ช่วยสร้างรายได้ให้บริษัท
ล่าสุด จะเปิดตัวเคอรี่ คูล ในไตรมาส 4 รองรับการส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ เจาะตลาดสินค้าเกษตร เครื่องดื่ม อาหาร และผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรู ซึ่งลูกค้ามีความต้องการสูง ทำให้แนวโน้มการเติบโตมีมาก รวมถึงการเปิดตัวเคอรี่ แอลทีแอล บริการสินค้าที่มีน้ำหนักมากเกิน 30 กก.ขึ้นไป ต้องการพื้นที่มากในการขนส่งสินค้า เช่น เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์
“ทั้ง 2 บริการ ตลาดมีความต้องการสูงมาก แต่ผู้เล่นยังกระจัดกระจาย ไม่มีใครเป็นผู้นำตลาดอย่างชัดเจน ไม่มีบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ ส่วนด้านบริการที่มียังไม่ตอบโจทย์ หรือแก้ Pain point ให้กับลูกค้าได้ เราจึงนำประสบการณ์ด้านเอ็กซ์เพรสหรือส่งพัสดุกว่า 15 ปี มาต่อยอดตลาด เพราะมองว่ามีศักยภาพมหาศาล”
นอกจากนี้ จะเปิดตัวเคอรี่ วอลเล็ท เพื่อเชื่อมต่อระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทั้ง ระบบคิวอาร์โค้ด บัตรแรบบิท บัตรเดบิต เครดิตการ์ด ฯ ตอบไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคและปูทางสู่สังคมไร้เงินสด(Cashless)เต็มขั้น ซึ่งบริการดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทในแง่การสร้างความจงรักภักดี สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการจัดลอยัลตี้โปรแกรมให้ฐานลูกค้ามีกว่า 10 ล้านราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่แอ๊คทีฟ รวมถึงข่วยต่อยอดการชำระค่าบริการของเคอรี่ทั้งการจัดเก็บเงินปลายทาง(COD) เชื่อมอีโคซิสเทมของบริษัทให้แกร่งขึ้น
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรกบริษัทส่งพัสกุกว่า 166 ล้านชิ้น เติบโต 10.8% ส่วนรายได้รวมกว่า 8,800 ล้านบาท กำไรสุทธิกว่า 638 ล้านบาท