ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์ (30 ส.ค.)ปรับตัวร่วงลงในกรอบแคบ 55 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพักฐาน หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 55.96 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 35,399.84 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 19.42 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 4,528.79 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 136.39 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 15,265.89 จุด
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อวันศุกร์(27สค.) ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กปิดทำนิวไฮเป็นวันที่ 4 ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยืนยันว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้จะมีการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ก่อนสิ้นปีนี้ก็ตาม
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นเมื่อวันศกุร์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัวจากการที่บริษัทน้ำมันหลายแห่งพากันยุติการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ก่อนที่พายุเฮอริเคนไอดาจะพัดถล่มในช่วงสุดสัปดาห์
การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ขณะนี้ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 1.5% นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กทะยานขึ้น 2.6% และ 3.1% ตามลำดับ
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หลังจากการประชุมประจำปีของเฟดได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 750,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 5.4% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.7% หลังจากแตะระดับ 5.9% ในเดือนมิ.ย.