นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นการเร่งพัฒนายกระดับเอสเอ็มอีไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างขีดความสามารถทางทำธุรกิจในระดับสากลมาก ซึ่งกลุ่มเอสเอ็มอีนับเป็นฐานเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของประเทศที่ทาง สสว. ให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้จัดกิจกรรมพัฒนา
คลัสเตอร์ Digital Content ภายใต้โครงการสนับสนุนและพัฒนาคลัสเตอร์เอสเอ็มอีประจำปีงบประมาณ 2564 ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3
โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศิลปากร เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่ม ดิจิทัล คอนเทนท์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอร์สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยฝีมือและผลงานคุณภาพระดับสากลของผู้ประกอบการไทยกลุ่มดิจิทัล คอนเทนท์ทำให้สามารถสร้างเม็ดเงินในอุตสาหกรรมฯ ได้ปีละหลายหมื่นล้านบาท
อ้างอิงข้อมูลจากการสำรวจและคาดการณ์ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกับสถาบันไอเอ็มซีมีการคาดการณ์ว่าในปี 2565 มูลค่าอุตสาหกรรม อยู่ที่ 45,094 ล้านบาทและเติบโต 15% ซึ่งมีการเติบโตทั้งในส่วนแอนิเมชั่น เกมและคาแรคเตอร์
“การพัฒนาดิจิทัล คอนเทนท์ คลัสเตอร์และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เข้มแข็ง มุ่งให้เกิดการขยายสัดส่วนมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมของเอสเอ็มอีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ดังนั้นการสร้างกลุ่มหรือคลัสเตอร์ทำให้เกิดความเข้มแข็งและอยู่รอดได้”
สำหรับการจัดกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ดังกล่าว ภายใต้โครงการสนับสนุนและพัฒนาคลัสเตอร์เอสเอ็มอีปี 2564 ถือเป็นโอกาสสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ในการสร้างความร่วมมือของหน่วยงานรัฐสองหน่วยงาน ระหว่าง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กับ มหาวิทยาลัยศิลปากร รวมถึงการไปร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก
อาทิ สมาคมดิจิทัลคอนเทนท์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) รวมทั้งพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ได้นำผลงานของผู้ประกอบการในเครือข่ายดิจิทัลคอนเทนต์ไปต่อยอด ทั้งด้านการผลิต และการจัดจำหน่ายอี-คอมเมิร์ซ
โดยในการพัฒนาศักยภาพเอสเอ็มอีและคลัสเตอร์ดิจิทัล คอนเทนท์ให้มีความเข้มแข็งจะต้องอาศัยการร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานภาคีต่างๆ หลายหน่วยงาน
ที่ผ่านมากิจกรรมนี้ได้สนับสนุนให้ประกอบการในคลัสเตอร์ดิจิทัล คอนเทนท์ ได้มีเวทีและโอกาสในการนำเสนอผลงานต่อนักลงทุน สื่อ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายผู้ประกอบการในคลัสเตอร์อื่น รวมทั้งกลุ่มผู้ซื้อและกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่กิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสามารถกระตุ้นและต่อยอดให้เกิดมูลค่าในอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท