พาณิชย์ ลุยเจรจาขายผลไม้ไทยตั้งเป้านำรายได้เข้าประเทศปีนี้กว่า 1.8 แสนล้านบาท

พาณิชย์ ลุยเจรจาขายผลไม้ไทยตั้งเป้านำรายได้เข้าประเทศปีนี้กว่า 1.8 แสนล้านบาท

  • 0 ตอบ
  • 73 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Cindy700

  • *****
  • 3330
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นสักขีพยานในพิธีประกาศความตกลงซื้อขายผลไม้ (MOP) ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า ผลไม้ไทยถือว่าเป็นสินค้าเป้าหมายสำคัญในการส่งออกเพื่อทำรายได้ให้กับประเทศ โดยในช่วง 7 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ยอดการส่งออกเฉพาะผลไม้สดและผลไม้แปรรูป มีมูลค่า 131,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.31% และได้ตั้งเป้าหมายปีนี้ทั้งปีว่าจะส่งออกเพื่อทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 180,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%
         
การส่งออกผลไม้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการจัด กิจกรรมสำคัญในการส่งเสริมการส่งออกผลไม้ไทยรวม 4 กิจกรรมใหญ่ ๆ ได้แก่ การจัดเจรจาจับคู่ทางการค้าออนไลน์ (Online Business Matching – OBM) เพื่อซื้อขายผลไม้ระหว่างผู้ส่งออกกับผู้นำเข้าต่างประเทศ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยในห้างสรรพสินค้าและในตลาดสำคัญในต่างประเทศ หรือที่เรียกว่า In Store Promotion การจัดกิจกรรม Thai Fruit Golden Month ในประเทศต่าง ๆ และการจัดกิจกรรมขายผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มสำคัญ ๆ ระดับโลก เช่น bigbasket ของอินเดีย Tmall ของจีน เป็นต้น
         
ทั้งนี้กิจกรรมที่ทำเกิดความสำเร็จเป็นอย่างมาก อย่างในจีน ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา จัดกิจกรรม Thai Fruit Golden Month ไปแล้ว 8 เมือง หนานหนิง ไห่หนาน ฉงชิ่ง ชิงเต่า เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู ต่าเหลียง ฝอซาน สามารถทำรายได้ ถึง 15,000 ล้านบาท และยังมีแผนงานในช่วงที่เหลืออีก 5 เมือง เซี่ยะเหมิน หนานชาง คุนหมิง อู่อั่น และหนานหนิง คาดว่าจะทำรายได้อีกไม่ต่ำกว่า 5000 ล้าน รวมแล้วเฉพาะ Thai Fruit Golden Month รวม 13 เมือง จะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้ เป็นการต่อยอดจากการจัดกิจกรรมเจรจาซื้อขายผลไม้ไทยในช่วงที่ผ่านมา 2 ส่วน คือ 1.การเจรจาจับคู่ซื้อขายของภาคตะวันออกของประเทศ โดยได้จัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 24-25 มี.ค.2564 มีผู้ส่งออกไทย 39 ราย ผู้นำเข้าจากต่างประเทศ 179 ราย จาก 37 ประเทศ เจรจาซื้อขายได้ 392 คู่ คิดเป็นเงิน 2,276 ล้านบาท ประเทศที่นำเข้าสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ฮังการี อินเดีย รัสเซีย และสหรัฐฯ โดยผลไม้ 5 ลำดับที่เจรจาสำเร็จ ได้แก่ ทุเรียน มะม่วง มะพร้าว สับประรด และมังคุด จากนั้นวันที่ 22-23 ก.ค.2564 จัดเจรจาซื้อขายผลไม้ในภาคใต้กับภาคเหนือมีผู้ส่งออกไทย 65 ราย ผู้นำเข้า 72 ราย จาก 20 ประเทศ ประสบความสำเร็จ 257 คู่ คิดเป็นยอดเงิน 1,865 ล้านบาท เป็นผู้นำเข้าจาก จีน เมียนมา อินเดีย ฮ่องกง และกัมพูชา ผลไม้สำคัญ ได้แก่ มะพร้าว สับปะรด มะม่วง และลำไย

โดยการเจรจาจับคู่ซื้อขายทั้ง 2 ครั้ง สามารถทำยอดได้ 4,141 ล้านบาท และกิจกรรมต่อเนื่องในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาทั้ง 2 ครั้ง โดยได้มีการประกาศจับคู่ที่กำหนดนัดหมายส่งมอบที่เป็นรูปธรรมแล้ว 21 คู่ เป็นเงินซื้อขายจริงที่จะชำระกัน 2,394 ล้าน จากยอดที่ตกลง 4,141 ล้านบาท หรือที่เรียกว่า MOP ตกลงซื้อขายจริง มี 21 คู่ เป็นผู้ส่งออกไทย 21 ราย ผู้นำเข้า 21 ราย จาก 16 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ลาว เมียนมา สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สเปน เกาหลี ไต้หวัน อินโดนีเซีย อาร์เจนตินา กัมพูชา ยูเออี และมาเลเซีย ผลไม้สำคัญ ได้แก่ ทุเรียน มะม่วง ลำไย มังคุด และมะพร้าว
         
"ผมได้ให้นโยบายไปยังพาณิชย์จังหวัด ซึ่งเป็นเซลส์แมนจังหวัด ทำหน้าที่ช่วยเจรจาจับคู่ซื้อขาย เพื่อที่จะระบายผลไม้ที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะลำไย ภาคเหนือ ลองกอง ภาคใต้ ที่กำลังจะออกตามมา โดยให้เชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างจังหวัดกับจังหวัด และขอให้ทูตพาณิชย์ ในฐานะเซลส์แมนประเทศ เร่งหาตลาดระบายผลไม้เพิ่มเติม และเตรียมแผนระบายในปีต่อไป เป็นการทำงานเชิงรุก อย่าให้มีปัญหาก่อนแล้วค่อยมาแก้  "นายจุรินทร์ กล่าว