CGS มองบวกหุ้นกลุ่มเปิดเมืองหลังผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มลดลง แนะทยอยสะสม

CGS มองบวกหุ้นกลุ่มเปิดเมืองหลังผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มลดลง แนะทยอยสะสม

  • 0 ตอบ
  • 88 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

kaidee20

  • *****
  • 2826
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นกับกลุ่มเปิดเมือง โดยเริ่มเห็นแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่ม Domestic เช่น ค้าปลีก ร้านอาหาร สนามบิน ธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดว่ามีประเด็นสนับสนุนจากจำนวนผู้ติดเชื้อโดยรวมไม่ทำจุดสูงสุดใหม่และเริ่มเห็นสัญญาณการลดน้อยถอยลง ข้อมูลล่าสุด ณ วันอาทิตย์ (22 ส.ค.) พบผู้ติดเชื้อ 19,014 รายต่ำสุดในรอบ 20 วัน ขณะที่รักษาหายอยู่ที่ 20,672 ราย ถือเป็นสัญญาณที่ดีในแง่ระบบสาธารณสุขที่จะคล่องตัวมากขึ้น

มีรายงานว่า กทม. รับ Vaccine เข็มแรกไปแล้วกว่า 80% ของประชากรทั้งหมดใน กทม. หากอิงสมมติฐานเดียวกับ New York พบช่วงที่ประกาศผ่อนคลายมาตรการทาง New York วางสมมติฐานคือประชากรได้รับ Vaccine เกินกว่า 70% สำหรับเข็มแรก

Valuation หุ้นกลุ่มเปิดเมืองหลายตัวค่อนข้างถูก ประกอบกับมี Upside ค่อนข้างสูงบนสมมติฐานอิงกำไรและราคา PRE COVID-19 และคาดการณ์จาก ศบค. เชื่อว่าจุดสูงสุดของการติดเชื้อจะอยู่ในช่วง ก.ย.-ต.ค.

ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนสามารถสะสมหุ้นกลุ่มเปิดเมืองได้ เนื่องจากระดับ Valuation ระยะยาวที่น่าสนใจ ประกอบกับปีหน้าเชื่อว่าสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มจะดีกว่าปีนี้ ส่วนระยะสั้นหากรับความเสี่ยงได้ก็สามารถ Trading ได้

สำหรับสัปดาห์นี้เชื่อว่าตลาดจะจับจ้องกับการประชุม Jackson Hole ในวันที่ 26-28 ส.ค. มีการคาดการณ์จากตลาดว่าการประชุมครั้งนี้ FED จะเริ่มส่งสัญญาณถึงการลดวงเงิน QE (Tapering QE) แต่เชื่อว่าปัจจุบันราคาหุ้นทั่วโลกสะท้อนถึงประเด็นการส่งสัญญาณ Tapering QE แล้ว ดังนั้น หากที่ประชุมส่งสัญญาณออกมาจริงน่าจะไม่มีผลกระทบมากนัก แต่กลับกันหากไม่มีสัญญาณออกมาเชื่อตลาดหุ้นจะตอบรับเชิงบวก

อย่างไรก็ตาม กับตลาดหุ้นไทยไม่ว่าจะส่งสัญญาณหรือไม่ส่งสัญญาณเชื่อไม่มีผลใดๆมากนัก เพราะปัจจุบันการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยมาจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อย สถานะยอดหลัง 6 ปีพบนักลงทุนสถาบันและรายย่อยซื้อสุทธิ 3.73 แสนล้านบาท และ 2.96 แสนล้านบาทตามลำดับ ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7.37 แสนล้านบาท ส่วนอื่นๆ จะเป็นตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ ในวันอังคาร Bloomberg ประเมินส่งออก +19.8% จากปีก่อน นำเข้า +38.8% จากปีก่อน หากดีกว่าคาดจะเป็น Sentiment บวกต่อตลาด รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ

กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะยาวขึ้นไปแนะทยอยสะสม Domestic Play ประกอบไปด้วย ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) รถไฟฟ้า (BTS BEM) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT SPA) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) สื่อ (PLANB VGI) ร้านอาหาร (M) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK) ส่วนนักลงทุนระยะสั้นเน้นหุ้นกำไรครึ่งปีหลังเติบโตเด่น (EPG JWD KCE MEGA WICE TU)

CRC (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 37.5 บาท) เชื่อราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมา 12% จากจุดสูงสุดก่อนหน้าสะท้อนการระบาดโควิด-19 ไประดับหนึ่งแล้ว จากนี้หากมีสัญญาณที่ดีของการควบคุมการระบาดได้หรือกระจาย Vaccine อย่างมีนัย คาดราคาหุ้นจะเริ่มเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น โดยคาดผลประกอบการปี 65 จะฟื้นตัวเด่น

PLANB (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 7.7 บาท) คาดรายได้สื่อของ PLANB จะปรับตัวลดลงไปที่จุดต่ำสุดในะไตรมาส 3/64 ก่อนจะมีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของไตรมาส 4/64 หนุนจากการใช้จ่ายค่าโฆษณาของภาคเอกชนที่กลับมาอีกครั้ง การเริ่มรับรู้รายได้จากป้ายสื่อโฆษณาที่ติดตั้งใหม่ในปลายปีที่แล้ว ทั้งในส่วนที่อยู่ใน 7-11 และสื่อที่รอรถเมล์ใน กทม.