“ทีเอ็มบีธนชาต” ปลื้ม ธปท.ประกาศให้เข้ากลุ่ม D-SIBs หลังรวมกิจการ

“ทีเอ็มบีธนชาต” ปลื้ม ธปท.ประกาศให้เข้ากลุ่ม D-SIBs หลังรวมกิจการ

  • 0 ตอบ
  • 73 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Cindy700

  • *****
  • 3330
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 




ธปท. ประกาศสถานะ “ทีเอ็มบีธนชาต” จัดเข้ากลุ่ม D-SIBs หรือธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญต่อระบบในประเทศ หลังเสร็จสิ้นการรวมกิจการอย่างสมบูรณ์ได้ตามแผน ส่งผลให้ธนาคารมีขนาดสินทรัพย์ ฐานลูกค้า และธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวข้องกับระบบเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยธนาคารพร้อมเดินหน้ายกระดับบริการและส่งมอบประสบการณ์ทางการเงิน เพื่อสร้างชีวิตทางการเงิน (Financial Well-being) ที่ดีขึ้นให้คนไทยทั้งวันนี้และอนาคต

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า จากการผสานจุดแข็งของสองธนาคารรวมเป็น “ทีเอ็มบีธนชาต” โดยมีพันธกิจหลักในการเดินหน้ายกระดับบริการและส่งมอบประสบการณ์ทางการเงิน เพื่อสร้างชีวิตทางการเงิน (Financial Well-being) ที่ดีขึ้นให้คนไทย ซึ่งจากความสำเร็จในการรวมกิจการได้อย่างสมบูรณ์ในครั้งนี้ ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศให้ทีเอ็มบีธนชาตเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญต่อระบบในประเทศ (Domestic systemically Important bank : D-SIBs) เนื่องจากประเมินแล้วว่าทีเอ็มบีธนชาตเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ มีธุรกรรมทางการเงินที่มีความเชื่อมโยงระหว่างสถาบันการเงินมาก รวมถึงเป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่สำคัญต่อฐานลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของระบบการเงินและประเทศ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาธนาคารให้ความสำคัญกับการเติบโตธุรกิจอย่างมีคุณภาพ เพื่อเป็นสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงและสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและเสริมสร้างเสถียรภาพให้อุตสาหกรรมธนาคารและระบบการเงินไทย ดังนั้น นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินมาโดยตลอด สะท้อนให้เห็นได้จากระดับเงินกองทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่ที่ 19.6% ในปัจจุบัน ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่มธนาคาร D-SIBs และสูงกว่าเกณฑ์ปัจจุบันที่ ธปท. กำหนดอัตราขั้นต่ำที่ 11.0% ซึ่งเพียงพอต่อการรองรับการดำรงเงินกองทุนส่วนเพิ่มตามมาตรการที่กำหนดในการกำกับดูแล D-SIBs ที่ 12.0%

"นอกจากนี้ การรวมเป็นหนึ่งเดียวของทีเอ็มบีธนชาตเพื่อเป็นธนาคารที่แข็งแกร่งขึ้น ยังได้เพิ่มศักยภาพให้ทีมงานสามารถทำงานได้เต็มกำลังมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ประชาชนได้รับผลกระทบ ธนาคารพร้อมส่งต่อแนวคิดและโซลูชันทางการเงินเพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้ก้าวข้ามสถานการณ์โควิด-19 ไปด้วยกัน" นายปิติ กล่าวสรุป