Trend & Trading Strategy : ถึงเวลาเลือกข้าง Long or Short?

Trend & Trading Strategy : ถึงเวลาเลือกข้าง Long or Short?

  • 0 ตอบ
  • 81 อ่าน

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

luktan1479

  • *****
  • 3464
    • บุคคลทั่วไป
    • ดูรายละเอียด
  • ชื่อ-นามสกุล: -
  • เบอร์ติดต่อ/โทรศัพท์มือถือ: -
  • ที่อยู่/สถานที่ติดต่อ: -
  • ระบุจังหวัด: -
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
   
 


Trend & Trading Strategy : ถึงเวลาเลือกข้าง Long or Short?
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2021, 10:56:58 am »


ในช่วงที่ตลาดผันผวนแบบนี้ จะ Long ซื้อถือระยะยาว หรือ Short ขายเก็งกำไรระยะสั้น ถึงเวลาที่ผู้ลงทุนในตลาดอาจต้องเลือกข้างแล้ว

ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า TFEX ได้จัดงานเวิร์กชอปออนไลน์ TFEX Trading Space 2021 #Workshop From Home ขึ้นมา พร้อมเชิญผู้เชี่ยวชาญพิเศษทั้ง 3 ท่าน ได้แก่ กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล. โนมูระ พัฒนสิน,  จรณเวท ศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการฝ่ายแนะนำการลงทุน บลป. คลาสสิก ออสสิริส และ  ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล. หยวนต้า มาร่วมกันแชร์มุมมองและเทคนิคการเทรดในสภาวะตลาดช่วงนี้ ในหัวข้อ “Trend & Trading Strategy: ถึงเวลาเลือกข้าง Long or Short?”

โดยงานเวิร์กชอปออนไลน์ครั้งนี้เริ่มจากการร่วมแชร์ความคิดเห็นเกี่ยวมุมมองโดยรวมของตลาด ซึ่งทั้ง 3 ท่านมีความเห็นตรงกันว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยตอนนี้เป็น Sideway คือไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน หุ้นใหญ่ในตลาดไทย Underperform มาสักพักใหญ่ แต่ยังมีหุ้นขนาดกลางและเล็กคอยหนุนอยู่ จึงส่งผลให้ค่อนข้างเป็น Sideway ด้าน Downside ก็มีกรอบค่อนข้างจำกัด ส่วนตลาดทองคำที่แม้จะมีการฟื้นตัวกลับมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่ต้องระมัดระวังและควรจับตาดูเป็นพิเศษ เพราะหากมีการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อาจส่งผลกับเรื่องสภาพคล่องได้ ปริมาณเงินที่อัดฉีดเข้ามาจะทยอยหายไป ซึ่งทั้ง 3 ท่านให้จับตาไปที่ 2 ปัจจัยใกล้ ๆ นี้ ที่จะส่งผลกระทบกับตลาดอนุพันธ์ในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีก็คือ งานสัมมนา Jackson Hole Symposium ที่จะจัดขึ้นปลายเดือนสิงหาคมนี้ และการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

กลยุทธ์รับมือกับภาวะผันผวนของตลาดในช่วงนี้ ด้วย 3 สินค้าอนุพันธ์ใน TFEX

1. SET50 Futures : “Sideway” ภาพในปัจจุบันมีปัจจัยลบค่อนข้างมากตามภาวะตลาดโลก แต่การที่ยังไม่หลุดแนวรับสำคัญทำให้มีแรงซื้อกลับมาบ้างท่ามกลางข่าวด้านลบในระยะสั้น แต่ทิศทางตลาดทุนโลกจะมีแรงกดดันมากขึ้นในช่วงอีก 1 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ในมุมมองนโยบายการเงินช่วงถัดไปของ Fed, ความเสี่ยง Regulatory Risk ของตลาดหุ้นจีน และปัจจัยภายในสำคัญอย่างเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เราได้ผ่านช่วงพีคของตัวเลขผู้ติดเชื้อมาหรือยัง รวมทั้งอัตราการฉีดวัคซีนที่โดยรวมอาจจะยังไม่ค่อยได้ตามเป้าที่วางไว้ จะสามารถเปิดประเทศได้ตามแผนหรือไม่ ซึ่งคาดว่าผลประกอบการรายไตรมาส 3 ของแต่ละบริษัทก็น่าจะออกมาไม่ดีเช่นกัน ในด้านราคาตอนนี้ตลาดอยู่ในช่วงค้นหาฐาน ลุ้นแนวรับหลักที่ 900 จุดเอาอยู่ไหม ถ้าไม่อยู่ตลาดจะปรับลึก

กลยุทธ์แนะนำ Trading ช่วงนี้คือ - หาจังหวะ Short ได้

2. Gold Online Futures และ Gold Futures : “Sideway Down” ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำฟื้นตัว Rebound ขึ้นมา เกิดจากแรงซื้อเพื่อเก็งกำไรเป็นส่วนใหญ่ ท่ามกลางการทยอยขายของกองทุน SPDR มาตลอดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว การที่ผู้เล่นรายใหญ่เริ่มถอน Position ประกอบกับ USD Dollar ยังแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ทองคำยังมีปัจจัยเชิงลบกดดันมากกว่า คาดการณ์ว่าการปรับตัวขึ้นของทองคำจะเริ่มจำกัด อยู่ที่บริเวณกรอบ Sideway อีกทั้งยังมีเรื่องของ Inflation ที่ต้องจับตาด้วย ส่วนปัจจัยเรื่องสงครามตอนนี้ยังอยู่ในวงค่อนข้างเล็กไม่น่าจะสร้างความผันผวนด้านราคาเท่าไรนัก ความชัดเจนจะเกิดขึ้นหลังงานประชุม Jackson Hole Symposium วันที่ 26-28 สิงหาคมนี้ ซึ่งการที่ราคาทองคำหลุดแนวรับ $1,780-$1,800 ลงมาทำให้การเคลื่อนไหวของภาพใหญ่เริ่มเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลงแล้ว

กลยุทธ์แนะนำ Trading ช่วงนี้คือ - เลือกฝั่ง Short

3. USD Futures : “Sideways Up” ค่าเงินบาทอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า มีโอกาสอ่อนค่าเหนือ 33.50 บาท จากปัจจัยภายในที่ยังกดดันจากเรื่องโควิด-19 ส่วนตัวเลข GDP ยังคงไม่ฟื้นตัวทำให้ไม่ได้เป็นปัจจัยหนุนเรื่องเงินบาทนัก โดยมีอัตราอ่อนค่ามากสุดในภูมิภาคทีเดียว ซึ่งเงินบาทที่อ่อนค่าลงนี้ช่วยพยุงหรือหนุนราคาทองคำในไทยไว้อยู่ ตามทิศทาง Dollar Index ที่ยังค่อนข้างแข็งค่า ซึ่งยังคงต้องจับตาดูในงานสัมมนา Jackson Hole Symposium ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ว่าจะมีทิศทางเรื่องนโยบายอย่างไร ประกอบกับ Fed อาจจะประกาศทำ QE Tapering หรือการปรับลดเม็ดเงินที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการ QE ในการประชุมปลายปีนี้ด้วย นอกจากนี้ตลาดได้คาดการณ์ไว้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินดอลลาร์

กลยุทธ์แนะนำ Trading ช่วงนี้คือ - เลือกฝั่ง Long

นอกจากนี้ แนวโน้ม Fund Flow ต่างชาติ ยังเป็นทิศทางไหลออกอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีประเด็นหรือปัญหาทางการเมือง มักจะทำให้เกิด Flow ไหลออกจากประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินบาทยิ่งอ่อนค่า ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้ตลาดทุนในไทยจะยังไม่ได้อยู่จุดที่น่าเป็นห่วงและได้รับผลจากปัจจัยลบมากนัก แต่หากต้องการที่จะเดินหน้าเปิดประเทศและฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจให้ดีขึ้น สิ่งที่ต้องทำให้ได้ก็คือการบริหารรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 โดยการเร่งอัตราการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นและทั่วถึงได้มากที่สุด ซึ่งแต่ละท่านได้ทิ้งท้ายสั้น ๆ ไว้ดังนี้

กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการลงทุน บล. โนมูระ พัฒนสิน “ฝากถึงนักลงทุนมือใหม่ เราอิงปัจจัยพื้นฐานเพื่อลงทุนระยะยาว มองเป้า 3-5 ปี อาจแบ่งมูลค่าพอร์ตซัก 10% มาใช้ TFEX เป็นเครื่องมือเพื่อบริหารความเสี่ยงในสภาวะที่ไม่แน่นอนอย่างช่วงนี้ได้ และสุดท้ายวัคซีนคือความหวังของตลาดทุนไทย”

จรณเวท ศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการฝ่ายแนะนำการลงทุน บลป. คลาสสิก ออสสิริส “หลาย ๆ คนเข้าตลาดมาเพื่อเก็งกำไรโดยหวังถึง 10-20 เท่า ซึ่งต้องพึงระลึกเสมอว่าถ้าเราผิดทาง จากที่หวังมาทั้งหมดอาจสูญเปล่าได้ ต้องมองความเสี่ยงก่อน แล้วคำนวณว่าเราควรเล่นกี่สัญญา พอร์ตเรารับได้เท่าไหร่ ไม่งั้นเรานี่แหละจะกลายเป็นผู้ออกจากตลาดไป”

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า “ต้องเข้าใจ Mindset การลงทุน มองการลงทุนเป็น Financial Tool เพื่อลดความเสี่ยง คนที่เข้าใจจะใช้ Leverage เพื่อเพิ่มอัตราทดหรือเพิ่มทางเลือกให้ตัวเองได้ ในตลาดนี้เราผิดทางได้ ถอยได้ ไม่ไหวอย่าฝืนเพื่อเอาคืนเด็ดขาด”